3 สาเหตุที่เราไม่ควรออกกำลังกายตอนท้องว่าง

ถึงแม้ว่าการออกกำลังกาย จะสามารถส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงให้แก่เราได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกาย หากเราออกแบบผิดวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน

โดเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายในช่วงที่เรากำลังท้องว่า เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ

โดยเฉพาะร่างกายและจิตใจของเราเอง ซึ่งหากเรากำลังท้องว่างแล้วไปออกกำลังกาย แน่นอนว่าอาจจะส่งผลเสียต่าง ๆ มากมาขึ้นกับร่างกายของเราได้ ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะมองว่า การออกกำลังกายมีประโยชน์

จะออกกำลังกายตอนไหนก็ได้ ย่อมมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้ทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเราอยากที่จะออกกำลังกายให้มีประโยชน์ ก็ควรที่จะคำนึงถึงสิ่งที่เราควรจะทำนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ทำไมการออกกำลังกาย ถึงไม่ควรที่จะออกในขณะที่เรากำลังท้องว่า ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีเหตุผลไหนบ้างที่เราไม่ควรทำ ไปดูกันเลย

 

  • อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ

การออกกำลังกายในขณะที่ท้องกำลังว่างอยู่นั้น อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดการลดต่ำลงได้ และอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว เวียนหัวได้ง่าย หน้ามืดง่าย รวมไปถึงอาจจะทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นลมได้นั่นเอง

ฉะนั้น หากเรามีความต้องการที่จะไปออกกำลังกาย ก็ควรที่จะทานอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคงความสมดุลของน้ำตาลในเลือด และเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้น 

  • อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราไม่มีสารอาหารเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ และร่างกายของเรานั้นถูกใช้งานหนักจนเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการขาดน้ำได้

ยิ่งถ้าเราท้องว่างและออกกำลังกายอย่างหนัก จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราเกิดการสูญเสียน้ำจำนวนมาก ทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถชดเชยน้ำที่สูญเสียไปได้ทันนั่นเอง 

  • อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราออกกำลังกายในขณะที่ท้องกำลังว่าง กล้ามเนื้อภายในร่างกายของเราจะถูกใช้งานอย่างหนัก และไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อาจจะทำให้เรานั้นยิ่งมีความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บได้ง่ายมากขึ้น จนทำให้การออกกำลังกายนั้นไม่มีประสิทธิภาพ

ฉะนั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ควรที่จะออกกำลังกายในช่วงที่เรากำลังท้องว่างนั่นเอง เพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย        เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

วิธีทางเบื้องต้นที่จะสามารถช่วยบ้านของคุณให้เย็นขึ้น

บ้านร้อน นับว่าเป็นหนึ่งในปัญหากวนความรู้สึกของผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นในฤดูร้อนของเมืองไทย ที่มีอุณหภูมิความร้อนพุ่งสูงอย่างมาก นอกเหนือจากที่จะทำให้ผู้อาศัย รู้สึกร้อนอบอ้าว เจ็บป่วยตัวเมื่ออยู่ในบ้านแล้ว

ยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน จากแอร์หรือพัดลมภายมากยิ่งกว่าธรรมดาอีกด้วย แนวทางแก้ไขปัญหาบ้านร้อนไปดูกันเลย

  1. ปลูกต้นไม้

สำหรับผู้ใดที่มีพื้นที่ว่างรอบ ๆ บ้าน เสนอแนะให้ปลูกต้นไม้ที่มีพุ่มไม้แผ่ให้ร่มเงากว้างใหญ่ แต่ว่าจะต้องไม่หยั่งรากลึกจนกระทั่งทำลายส่วนประกอบบ้าน ต้นไม้ที่ควรจะเลี่ยงปลูกลงในรอบ ๆ บ้าน ยกตัวอย่างเช่น ต้นโพธิ์ ต้นมะม่วง ฯลฯ ทิศตะวันตกเป็นด้านที่เหมาะสมแก่การปลูกต้นไม้ เพื่อจะได้ป้องกันแสงแดดยามบ่ายที่มีอุณหภูมิสูง

  1. จัดตั้งฉนวนกันความร้อน

การต่อว่าดตั้งฉนวนกันความร้อนรอบ ๆ หลังคา เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะสามารถช่วยลดความร้อนจากข้างนอก ที่ไปสู่ตัวบ้านได้ดีมากยิ่งกว่า การตำหนิดตั้งเฉพาะเพียงแค่ตัวหลังคา แล้วก็ยังช่วยลดความร้อนได้มากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างยิ่งจริง ๆ

  1. เลือกใช้กระเบื้องสำหรับเพื่อการปูพื้น

การปูพื้นบ้านด้วยกระเบื้องจำพวกอะไรก็แล้วแต่ จะช่วยทำให้บ้านของพวกเราเย็นขึ้นได้ ด้วยเหตุว่ากระเบื้องสามารถเก็บความเย็นจากพื้นดิน รวมทั้งระบายความร้อนได้ดียิ่งไปกว่าสิ่งของจำพวกอื่น

  1. เลือกใช้ฝาผนังกระจกที่ช่วยลดความร้อน

ตอนนี้การเลือกใช้ฝาผนังกระจก เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบ เพราะว่านอกเหนือจากความสวยแล้วยังช่วยปกป้องความร้อนได้อีกด้วย ดังเช่นว่า กระจกโฟลตสีตัดแสงสว่าง กระจกฉนวนความร้อน ซึ่งเป็นกระจกที่ถูกดีไซน์มา

สำหรับคุ้มครองความร้อนจากด้านนอกที่จะไปสู่ตัวตึกโดยยิ่งไปกว่านั้น ก็เลยช่วยใช้พลังงานน้อยลงในบ้านเป็นอันมาก

  1. เลือกสีทาบ้านเป็นโทนสีอ่อน

ความอ่อนเข้มของสีส่งผลต่ออุณหภูมิของบ้าน การเลือกสีทาบ้านที่มีโทนสีสว่าง จะช่วยปกป้องบ้านร้อนเจริญ ด้วยเหตุว่าสีอ่อนมีคุณลักษณะสะท้อนแสงออกได้มากกว่าสีแก่ แล้วก็มีอัตราการดูดดูดซึมความร้อนน้อย เป็นต้น

ว่า สีฟ้า สีขาว สีครีม พวกเราก็เลยมักไม่ค่อยมองเห็นบ้านที่ทาด้วยสีทึบเข้มในไทย เพราะเหตุว่าจะนำมาซึ่งการทำให้บ้านร้อนจากการกักเก็บความร้อนไว้นาน

และนี่เป็นวิธีทางเบื้องต้นที่จะสามารถช่วยบ้านของคุณให้เย็นขึ้น อยู่แล้วไม่ร้อน ไม่เปลืองพลังงานทั้งน้ำทั้งไฟ หรือทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนัก อย่างไรก็ตามให้เลือกวิธีการที่คิดว่าเหมาะสมกับคุณจะดีที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนจาก        เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการป้องกันฟันผุ

X-RAY DENTAL FORMATION, Organisme de formation à LYON (Rhônes Alpes ...

การป้องกันฟันผุเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผุและรักษาสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบางวิธีที่ช่วยป้องกันฟันผุ

1.การแปรงฟัน:แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน โดยใช้ยาสีฟันที่มี fluoride เพื่อป้องกันฟัน

ใช้แปรงฟันที่มีใยได้ดี เพราะมันช่วยทำความสะอาดระหว่างฟัน

2.ใช้ดีเทอร์เจนต์:การใช้ดีเทอร์เจนต์หลังจากทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอซิด เพื่อลดการเกิดกรดในช่องปาก

3.งดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล:การลดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลช่วยลดการเกิดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดผุ

4.การไปทำความสะอาดฟันประจำ:ไปทำความสะอาดฟันกับทันทีหลังจากที่ทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

5.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี fluoride:ใช้แก่นสาร fluoride เพิ่มเติม เช่น ยาสีฟันหรือแก้วน้ำหลังจากใช้ดีเทอร์เจนต์

5.การไปทำการตรวจสุขภาพช่องปาก:ไปทำการตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันทีหากมีปัญหาหรืออาการผุ

6.การใช้ฟันปลอมหรือฟันเทียม:ในบางกรณีที่มีการสูญเสียฟันหรือมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างฟัน การใช้ฟันปลอมหรือฟันเทียมอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี

การรักษาฟันผุและการป้องกันให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีต้องเริ่มต้นจากการรักษาฟันอย่างเหมาะสมและการดูแลสุขภาพช่องปากทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

Evde Diş Taşı Temizliği: 5 Doğal Çözüm - Nefis Yemek Tarifleri

การดูแลรักษาเมื่อฟันผุ

เมื่อมีฟันผุเกิดขึ้น การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ปัญหาไม่กลับมาเป็นที่และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้. นี่คือขั้นตอนและวิธีการดูแลรักษาเมื่อเจอฟันผุ

 

ไปพบแพทย์ทันทีที่พบฟันผุ

หากคุณสังเกตเห็นสีดำหรือรูบนฟัน ควรนัดหมายพบทันตแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจสุขภาพช่องปากและดำเนินการรักษา

1.การทำรักษาทันตกรรม:ทันตแพทย์อาจทำการทำรักษาทันตกรรมเพื่อเสริมโครงสร้างของฟัน โดยอาจจะใช้ฟิลลิ่ง (การเติมหลุมฟัน), ใส่ฟันเทียม, หรือการทำการผ่าตัดฟันตามความเหมาะสม

2.การใช้ยาป้องกันแบคทีเรีย:ทันตแพทย์อาจสั่งยาป้องกันแบคทีเรีย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุเพิ่มเติม

3.การป้องกันฟันผุในอนาคต:ปรับเปลี่ยนนิสัยการดูแลช่องปาก เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ใช้ดีเทอร์เจนต์ และลดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

4.การทำการตรวจสุขภาพช่องปากประจำ:ทำการตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันทีทุก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อตรวจสอบสุขภาพช่องปากและรับการคำแนะนำเพิ่มเติมจากทันตแพทย์

5.การรักษาอาการปวด:หากมีอาการปวดในฟันผุ ควรรักษาโดยการใช้ยาแก้ปวดที่ผู้เชี่ยวชาญทันตกรรมแนะนำ

6.การดูแลทำความสะอาดฟัน:หลังจากการรักษาฟันผุ ควรดูแลทำความสะอาดฟันอย่างดีเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุอื่นๆ

การดูแลรักษาฟันผุเร็วๆ ทำให้มีโอกาสที่ฟันจะกลับมาสภาพปกติและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคตได้

 

 

สนับสนุนโดย        hoiana เวียดนาม

เปิดอาหารว่างที่กินได้โดยไม่ต้องรู้สึกผิด

การให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่หลายคนไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะคนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้มักที่จะปล่อยละเลยการดูแลสุขภาพร่างกาย จนอาจทำให้ร่างกายได้รับผลกระทบได้ง่าย

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีน้ำหนักที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งก็จะทำให้หนุ่ม ๆ สาว ๆ เสียความมั่นใจในการใช้ชีวิตได้ ซึ่งต้องบอกก่อนว่า ในสมัยนี้ การลดน้ำหนัก เป็นหนึ่งในสิ่งหนุ่ม ๆ สาว ๆ ส่วนใหญ่หันมาหใความสำคัญกันมากขึ้น

รวมไปถึงกาคควบคุมปริมาณการทานอาหาร เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สำหรับบางคนก็มักที่จะมีพฤติกรรมการเลือกทานอาหารที่ไม่เหมาะสม จนทำให้อ้วนได้ง่าย และมารู้สึกผิดทีหลัง เพราะอาจจะมองว่า การที่เราทานเยอะ ๆ แล้วอ้วน เราก็สามารถที่จะออกกำลังกายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว

การออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก สำหรับบางคนอาจจะเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ เช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนเริ่มที่จะหันมาหใความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกาย

ซึ่งวันนี้เราก็จะมาแนะนำอาหารว่างที่เหมาะสมสำหรับสายชอบกิน เพราะไม่ว่าเราจะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่ทำให้เรารู้สึกผิดอย่างแน่นอน จะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย 

  • ดาร์กช็อกโกแลต

แน่นอนว่า เป็นหนึ่งในอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก ถึงแม้ว่าจะมีรสชาติหวานจนทำให้คนมองว่า อาจจะทำให้เราอ้วนได้ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ดาร์คช็อกโกแลต ไม่มีผลต่อน้ำหนักของเรา

เพราะส่วนใหญ่แล้วจะมีน้ำตาลที่น้อยมาก ๆ แถมยังเป็นอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย ขอบอกเลยว่าหากใครที่เป็นสายชอบทานช็อกโกแลต ไม่ว่าเราจะทานเยอะแค่ไหนก็ไม่ทำให้เราอ้วนได้ง่ายอย่างแน่นอน 

  • ป๊อบคอร์นแบบคลีน

ขึ้นชื่นว่าอาหารคลีน แน่นอนว่า อาจจะดีต่อร่างกายของเราอย่างแน่นอน ซึ่งรู้หรือไม่ว่าป๊อบคอร์นแบบคลีน เป็นหนึ่งในเมนูอาหารว่างที่เราไม่ควรพลาด เพราะนอกจากจะไม่ทำให้เราอ้วนได้ง่ายแล้ว

ยังเป็นอาหารที่เหมาะสม      เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก     สำหรับคนที่อยู่ในช่วงของการลดน้ำหนักอีกด้วย เพราะเป็นอาหารประเภทไขมันต่ำ ไม่มีน้ำตาล สามารถทานได้ตลอดทั้งวันโดยที่เราไม่ต้องมากังวลว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้นได้ 

  • ขนมกล้วยหนีบ

เป็นหนึ่งในอาหารที่ได้ความหวานมาแบบธรรมชาติมาก ๆ แถมยังอุดมไปด้วยใยอาหารที่ค่อนข้างสูงมาก ๆ จึงเป็นอาหารที่เรานั้นสามารถทานได้โดยไม่ต้องมารู้สึกผิดว่าน้ำหนักจะเพิ่มขึ้น

เพราะเป็นอาหารที่มีปริมาณของคาร์โบไฮเดรตที่สูงมาก แถมยังสามารถช่วยลดความอยากขนมอื่น ๆ ที่ไม่ดีต่อร่างกายของเราได้อีกด้วย

เปิดเคล็ดลับดื่มกาแฟอย่างไรให้ดีต่อกายและใจ

 

เปิดเคล็ดลับดื่มกาแฟ ถึงแม้ว่ากาแฟ จะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ดี ที่สามารถช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบประสาทและสมองได้

เนื่องจากในกาแฟนั้นจะมีคาเฟ่อีน ที่เป็นส่วนผสมหลักที่สามารถทำให้สมองของเราตื่นตัว

จึงทำให้หลายหลายคนในสมัยนี้ชื่นชอบและมักที่จะดื่มกาแฟในทุกๆเช้า เพื่อเป็นการปลุกร่างกาย และเป็นการปลุกสมองให้ตื่นนั่นเอง

และในสมัยนี้ก็มีกาแฟมากมายหลากหลายชนิดมากๆ ซึ่งก็จะมีความแตกต่างและมีประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไปเช่นกัน

แต่รู้หรือไม่ว่ากาแฟ เป็นหนึ่งในเครื่องดื่มที่เราไม่ควรดื่มมากจนเกินไป หรือไม่ควรดื่มเกินวันละสองแก้ว

เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อร่างกายและทำให้ฤทธิ์ของกาแฟนั้นมีประสิทธิภาพได้ แต่ถ้าหากใครต้องการที่จะดื่มกาแฟเพื่อให้ได้ประโยชน์และดีต่อสุขภาพกายและสุขภาพใจ

ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไปเพราะในสมัยนั้นมีวิธีการดื่มกาแฟที่สามารถส่งเสริมสุขภาพกายและใจของเราให้ดียิ่งขึ้นได้

ฉะนั้น วันนี้เราจึงจะมาแนะนำเคล็ดลับง่ายง่ายในการดื่มกาแฟอย่างไร ให้ดีทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ จะมีวิธีไหนบ้างไปดูกันเลย

1.การดื่มกาแฟแก้วสุดท้ายของวัน

การที่เราดื่มกาแฟก่อนนอนอย่างน้อย 6 ชั่วโมง ถือเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะทำให้การดื่มกาแฟนั้นไม่ส่งผลกระทบต่อการนอนได้

เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก      จะมีช่วยให้ร่างกายของเรานั้นสามารถเคลียร์คาเฟอีนที่ตกค้างภายในร่างกายออกมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ทำให้ร่างกายของเราไม่มีคาเฟ่อีนเหลือที่จะส่งผลกระทบต่อการนอนได้ ซึ่งการดื่มกาแฟด้วยวิธีนี้นอกจากจะทำให้การนอนของเรามีประสิทธิภาพแล้ว ยังไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพกายและใจของเราอีกด้วย

2.หลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟมากจนเกินไป

หลายคนมองว่าการที่เราดื่มกาแฟเยอะเยอะในแต่ละวันนั้นจะยิ่งทำให้ร่างกายของเราตื่นตัวและสมองของเรากระปรี้กระเปร่าได้

แต่ในความเป็นจริงแล้วนั้นเราไม่ควรที่จะดื่มกาแฟมากกว่าสองแก้วต่อวัน จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบจากคาเฟ่อีนได้

แถมร่างกายของคนเรานั้นก็จะแตกต่างกันออกไป บางคนดื่มกาแฟเยอะอาจจะทำให้ใจสั่น หรืออาจทำให้ร่างกายเกิดอาการสั่นได้นั่นเอง

ฉะนั้น เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดียิ่งขึ้นการดื่มกาแฟอย่างเหมาะสม ดื่มกาแฟเยอะจนเกินไปถือเป็นหนึ่งในปัจจัยที่เราไม่ควรมองข้าม

3.จับคู่เครื่องดื่มกับกาแฟแก้วโปรด

รู้หรือไม่ว่าการที่เราเลือกเครื่องดื่มทานคู่กับกาแฟ จะยิ่งทำให้การดื่มกาแฟของเรานั้นดีและมีประสิทธิภาพ แถมยังสามารถช่วยลดความขมของกาแฟได้ดีมากๆอีกด้วย

สู้ทีนี้จะทำให้เรารู้สึกดีและร่างกายได้รับคาเฟ่อีนอย่างเหมาะสม และทำให้การดื่มกาแฟนั้นมีประสิทธิภาพไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจของเราได้

สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามในการเริ่มต้นทานอาหารคลีน

การเริ่มต้นทานอาหารคลีน สิ่งสำคัญของการมีสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรง คือการที่เราหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ ควบคู่ไปกับการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์อยู่เป็นประจำ

เพื่อช่วยในการเสรมสร้างความแข็งแรงให้แก่ร่างกาย รู้หรือไม่ว่า คนส่วนใหญ่ในสมัยปัจจุบันนี้เริ่มหันมาดูแลตนเองกันมากขึ้นด้วย

การเลือกรับประทานอาหารคลีน เพราะหลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าอาหารประเภทนี้เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ไม่ผ่านการปรุงแต่ง ไม่ปรุงรสจัดเกินไป แถมยังได้ประโยชนืที่ครบถ้วนอีกด้วย

แต่ทว่า อาหารคลีนเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ประกอบไปด้วยผักเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งอาจจะทำให้บางคนที่กำลังเริ่มต้นทานอาหารคลีนนั้น อาจจะรับประทานได้ยาก เนื่องจากอาจไม่คุ้นเคยกับรสชาติอาหารที่แปลกใหม่

แต่ก็ไม่ต้องเป็นกังวลไป เพราะถึงแม้ว่าอาหารคลีนจะเป็นอาหารที่ทานยากสำหรับหลาย ๆ คนแต่ก็ใช่ว่าเราจะทานไม่ได้ อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่อยากเริ่มต้นหันมาดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง ด้วยการเลือกทานอาหารคลีน และกำลังเป็นมือใหม่แต่ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรดี

วันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่า สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามในการเริ่มต้นทานอาหารคลีนนั้นจะมีอะไรกันบ้าง ไปดูกันเลย 

การไม่เร่งรีบจนเกินไป ไม่ว่าเราจะลงมือทำอะไรสักอย่าง สิ่งสำคัญอย่างแรกที่เราไม่ควรมองข้ามไปเลยก็คือ การที่เราไม่จำเป็นจะต้องเร่งรีบกับสิ่งที่เราพึ่งจะเริ่มต้นทำ การทานอาหารคลีนก็เช่นกัน ทางที่ดีควรที่จะค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป ใจเย็น ๆ เพราะการที่เราไม่เร่งรีบที่จะทานอาหารประเภทนี้จะยิ่งทำให้เรานั้นสามารถทานอาหารคลีนได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แถมยังทำให้ร่างกายของเรานั้นได้รับประโยชน์อย่างครบถ้วนอีกด้วย 

การลดปริมาณอาหาร หลายคนอาจจะทราบกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่า อาหารคลีนเป็นอาหารที่ประกอบไปด้วยผักเป็นส่วนใหญ่ จึงอาจทำให้บางคนนั้นทานได้ยาก ดังนั้น การที่เราลดปริมาณของอาหารให้น้อยลง เช่น ในแต่ละมื้อที่เราทานเนื้อ หรืออาจจะเป็นอะไรก็ได้ ก็ให้ลดปริมาณน้อยลง แต่อาจจะเป็นการเพิ่มผักเพื่อสุขภาพเข้าไปในมื้ออาหาร เพื่อให้การทานอาหารคลีนนั้นง่าย และมีประสิทธิภาพต่อร่างกายของเราได้มากที่สุด 

การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นให้เราทานอาหารคลียได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์ได้สูงสุดนั้นเลยก็คือ การออกกำลังกายควบคู่ไปด้วย เพราะในระหว่างที่เราออกกำลังกาย ร่างกายของเราจะสูญเสียพลังงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเพิ่มพลังงานเพื่อทดแทนในส่วนที่เสียไป โดยการเลือกทานอาหารคลีน แถมยังเป็นการทำให้การลดน้ำหนักเพื่อสุขภาพเกิดผลลัพธ์ที่ดีอีกด้วย 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

วิธีการปรับพฤติกรรมตัวเอง เพื่อที่จะลดน้ำหนัก ลดความอ้วนน วิธีการปรับพฤติกรรมตัวเอง เพื่อที่จะลดน้ำหนัก ลดความอ้วนน

เพื่อนๆ และสาวๆ หลายคนที่เจอช่วง Work from home มาแล้วหบายต่อหลายครั้งแล้ว ไปๆมาๆ ดูตัวเองอีกทีรู้สึกว่า หุ่นเปลี่ยนไปละ เพราะพอเพื่อนๆและสาวๆ ทำงานอยู่ที่บ้านบ่อยๆ ทำให้ทำงานไปด้วยกินไปด้วยได้ง่าย วิธีการปรับพฤติกรรมตัวเอง และแถมยังไม่ได้ขยับร่างกายเท่าไร เลยเป็นที่มาของหุ่นที่เปลี่ยนไปยังไงละ ดังนั้นวันนี้เราเอาวิธีการปรับพฤติกรรม สู่นิสัยใหม่เพื่อให้ร่างกายที่ดี และหุ่นที่เปลี่ยนไปอีกครั้ง เพื่อนๆ และสาวๆ จะได้กลับมามีหุ่นดีอีกครั้งยังไงละ 

ตั้งเป้าหมายและลงมือทำเลย

เพื่อนๆ และสาวๆ ตั้งเป้าหมายว่าเราจะลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนหรือจะมีหุ่นที่ต้องการแบบไหน ให้ตั้งและลงมือทำเลย เพราะว่าการที่เราจะลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ใจ นั้นเอง งั้นตั้งใจและลงมือทำได้เลย

เลือกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์

อยู่บ้านทำงาน หรือ ต้องออกไปทำงาน เพื่อนๆ และสาวๆ เปลี่ยนพฤติกรรม มาเลือกกินอาหารที่ดี มีประโยชน์ไว้ก่อนเลย อย่าง คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน โปรตีนดี ไขมันดี ผักและผลไม้ต่างๆ ยกตัวอย่างอาหาร คาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน ก็คือ ข้าวกล้อง ข้าวไรซ์เบอรี่ โปรตีนจากไข่ไก่ เนื้อปลา อกไก่ กินคู่กับไขมันดีอย่าง อะโวคาโด และมีสลัดผักกับผลไม้ที่ไม่หวานด้วยยิ่งดี 

ดื่มน้ำเปล่าให้มากๆ 

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากมีหุ่นดีหรือลดน้ำหนักหรือลดความอ้วนนั้น แนะนำว่าให้เพื่อนดื่มน้ำเปล่าเยอะๆ เพราะว่ามันจะช่วยทำให้เพื่อน อิ่มท้องได้นานและไม่อยากอาหารหรือหิวจุกจิกด้วยนะ และน้ำยังช่วยเร่งระบบขุบถ่ายให้ทำงานดีขึ้น รวมไปถึงระบบการเผาผลาญร่างกายด้วยนะ ดั้งนั้นดื่มน้ำเยอะๆ นะ 

พยายามเคลื่อนไหว หรือ ออกกำลังกายบ้าง

เพื่อนๆและสาวๆ ที่อยากหุ่นดี หากต้องทำงานที่บ้านหรือไปทำงานนอกบ้าน ก็ควรที่จะเคลื่อนไหวร่างกายให้เยอะๆ นะ หรือหากเป็นไปได้แบ่งเวลามาออกกำลังกายด้วยละ เพราะว่าการออกกำลังกายจะเป็นตัวเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกายให้เผาผลาญไขมันได้เร็วที่สุดเลยละ 

อย่าเครียดหรือกดดันกับการลดน้ำหนักมากเกินไป

เพื่อนๆ และสาวๆ ที่อยากลดน้ำหนักหรืออยากผอม สื่งที่สำคัญก็คือ อย่าเครียด หรือ กดดันตัวเองมากเกินไปนะ เพราะว่าการที่เรากดดันตัวเองนั้นจะทำให้ร่างกายเราตึงเครียดและยิ่งลดน้ำหนักได้ยากนะ เพราะว่าร่างกายเราคิดว่าเรากำลังอยู่ในภาวะตึงเครียด อันตราย ต้องประหยัดพลังงานในร่างกาย โดยเฉพาะไขมันจะหวงเป็นพิเศษเลยละ ดังนั้น การลดน้ำหนักที่ดี ต้องไม่เครียดและกดดันตัวเองจนเกินไป ทำแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้เป็น ไลสไตล์ของเราไปเลยจะได้รู้สึกสบาย

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย      เครื่องช่วยฟังอย่างดี

เทคนิคการลดน้ำหนักง่ายๆ สามารถทำได้ทุกคน

เทคนิคการลดน้ำหนักง่ายๆ สามารถทำได้ทุกคน ส่วนใหญ่เวลาคนอยากจะลดน้ำหนักก็จะมองไปที่สูตรของอาหารว่าจะกินสูตรไหนดีหรือควรออกกำลังกายแบบไหนดีไม่ว่าเราจะออกกำลังกายแบบไหนใช้สูตรอาหารแบบไหนก็ตาม ถ้าเราไม่ได้มีการปรับพฤติกรรมร่วมด้วยการลดน้ำหนักและการที่จะรักษานั้นไว้ได้ในระยะยาวแลดูจะเป็นเรื่องยากมากๆ

เทคนิคการลดน้ำหนักง่ายๆ ถ้าหากว่าเราปรับพฤติกรรมใหม่เราฝึกให้มีนิสัยคนผอมติดตัวเราก็จะทำเรื่องผอมๆโดยที่เรานั้นไม่รู้ตัวนั่นเองและอะไรล่ะคือนิสัยที่เราควรมีติดตัวและเราจะมีเทคนิคในการส้รางนิสัยนี้ได้ยังไง

ข้อแรกคือการ ดื่มน้ำเปล่า ให้พอ และจิบบ่อยๆ

 เป็นเรื่องง่ายๆที่หลายคนนั้นมักจะมองข้ามมันไปการที่เราดื่มน้ำเพียงพอดื่มน้ำเยอะขึ้นก็ทำให้ทุกระบบทำงานได้ปกติรวมถึงระบบเผาผลาญด้วยแล้วผลข้างเคียงที่ได้ผิวใสดีขึ้นช่วยเรื่องพวกนี้ได้แน่นอน

 นอกจากนี้ถามว่าดื่มเท่าไหร่ถึงจะพอสูตรของเราก็ง่ายๆเลยให้เอา40คูณกับน้ำหนักตัวตรงนี้จะเป็นจำนวนมิลลิลิตรที่เราต้องการอย่างเช่นหนัก70คูณ40เข้าไปเท่ากับ2,800มิลลิลิตรทีนี้บางคนอาจจะมีปัญหาเรื่องของการดื่มน้ำเปล่าไม่เพียงพอ

อาจจะกังวลเรื่องของการเข้าห้องน้ำหรืออาจจะลืมทานในเวลาทำงานหรือนู้นนี่นั่นวิธีการที่เราใช้ง่ายๆก็คือการปรับตัวเองในช่วงแรกเราก็ต้องคิดก่อนเลยว่าในหนึ่งวันเราจะต้องกินให้ได้ถึง3ลิตรส่วนตัวเราก็จะใช้เป็นขวดน้ำที่เป็นขวดใหญ่3ลิตรไปเลย

 แต่ถ้าเกิดเดินทางไปไหนเดินทางออกนอกบ้านก็อาจจะเป็นขวด1.5ลิตร2ขวดก็ได้ไม่อย่างนั้นเราจะวัดไม่ได้เลยว่าวันนึงเราดื่มน้ำไปแล้วกี่ลิตรทุกครั้งที่นั่งทำงานที่โต๊ะนั่งดูหนังเราจะมีน้ำเปล่าวางที่โต๊ะเสมอแล้วก็เวลานึกขึ้นได้ก็หยิบขึ้นมาจิบเลยไม่ใช่รอให้หิวรอให้กระหายแล้วค่อยไปดื่มเหมือนแต่ก่อนเพราะถ้าเกิดว่าเรารู้สึกว่าเรากระหายน้ำคือร่างกายเรามันขาดน้ำไปแล้ว

ข้อที่สองก็คือ กิน ให้ช้าลง เคี้ยวให้ช้าลง

 เพราเราเป็นคนหนึ่งที่กินเร็วมากๆและหลังจากที่เราแก้ข้อนี้ได้เราก็ไปสังเกตเพื่อนๆที่ไปกินด้วยกันคุณเชื่อหรือไม่คนส่วนใหญ่ที่แลดูอ้วนๆจะเป็นคนที่กินเร็วทั้งนั้นเลยไม่ได้หมายความว่าให้นั่งกินนานๆแต่หมายถึงว่า

 การเคี้ยวการกลืนในแต่ละคำเคี้ยวให้มันช้าลงเวลาเรากินอาหารเข้าไปเราจะรู้สึกอิ่มร่างกายเราจะต้องส่งฮอร์โมนเลปตินบอกสมองว่าพอแล้วอิ่มแล้วซึ่งฮอร์โมนนี้กว่ามันจะใช้เวลาส่งไปบอกสมองได้บางทีมันใช้เวลา10-15นาทีการที่เรากินเร็วเกินไปมันทำให้เราเกินโดยที่เราไม่รู้ตัว

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย        เครื่องช่วยฟังที่เสียงรบกวนน้อยที่สุด

สัญญาณเตือนที่อาจบอกได้ว่าคุณเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งเต้านมเป็นโรคชนิดหนึ่งที่มีความร้ายแรงเป็นอย่างมาก แถมยังเป็นภัยเงียบที่อาจเกิดขึ้นโดยที่เราเองก็ไม่ทันได้สังเกตอีกด้วย ซึ่งส่วนใหญ่แล้วมักที่จะพบได้ในผู้หญิง ซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคนี้สูงมาก ๆ

โดยปกติแล้วผู้หญิงส่วนใหญ่มักที่จะไม่รู้ว่าตนเองนั้นเป็นโรคมะเร็งเต้านมจนอาการของโรคนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือก้อนเนื้อนั้นเริ่มใหญ่ขึ้นจนสามารถคลำเจอได้นั่นเอง ดังนั้น การดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หมั่นออกกำลังกาย และที่สำคัญคือการเข้ารับการตรวจเช็คสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอ

คุณเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม เพื่อที่เราจะได้รู้ว่าสถานะร่างกายของตนเองนั้นมีความเคลื่อนไหวอย่างไรบ้าง อย่างไรก็ตาม สำหรับสาว ๆ คนไหนที่ยังคงมีความกังวลว่าตนเองนั้นอาจเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโณคมะเร็งเต้านม ดังนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนไปดูว่าจะมีสัญญาณเตือนไหนกันบ้างที่สามารถบ่งบอกได้ว่าคุณเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านม จะมีอะไรกันบ้างนั้นไปดูกันเลย

ผื่นแดงที่เต้านม เชื่อหลายคนคงเคยเจอกับผื่นแดงที่คันมาก ๆ ตรงเต้านม ซึ่งหลายคนอาจจะมองว่ามันเป็นพียงผื่นคันธรรมดาที่สามารถหายไปได้เอง แต่รู้หรือไม่ว่าผื่นที่ขึ้นตามเต้านมของเราแล้วมมีอาการคันนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาด เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนที่สามารถบ่งบอกได้ว่าคูรมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเรงเต้านมได้ ทางที่ดีควรหมั่นสังเกตอาการตนเองให้มาก ๆ และหากเกิดความผิดปกติก็ควรรีบเข้ารับการปรึกษาแพทย์โดยด่วน 

รอยบุ๋มหรือรอยรักยิ้มที่เต้านม ลองสังเกตที่เต้านมของตนเองว่ามีรอยบุ๋ม หรือรอยรักยิ้มที่อาจมีสีบริเวณลานหัวนม หากใครที่รู้สึกได้ถึงความผิดปกติ ทางที่ดีควรรีบเข้ารับการปรึกษาแพทย์เพื่อเข้ารับการวินิจฉัยโดยด่วน เพราะถ้าหากปล่อยไว้อาจทำให้เซลล์มะเร็งนั้นลุกลามไปถึงขั้นผิวหนังได้

ช่วงปลอดระยะประจำเดือน ก่อนการเป็นประจำเดือนเชื่อว่าหลายคนคงจะมีอาการคัดเต้านม หรือมีอาการรู้สึกเจ็บที่เต้ามนมกันอย่างแน่นอน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยปกติ แต่รู้หรือไม่ว่า หลังจากที่เราได้ปลอดช่วงของการเป็นประจำเดือนไปแล้ว แต่ยังมีอาการเจ็บ หรืออาจมีรอยแดงเกิดขึ้นที่บริเวณเต้านมบ้างในบางครั้ง ควรรีบเข้ารับการพบแพทย์โดยด่วน เพราะนี่อาจเป็นสัญญาณเตือนอาการเบื้องต้น หรืออาจเป็นอาการที่บ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งเต้านมนั่นเอง 

 

สนับสนุนเนื้อหาโดย      เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จหรือใส่ถ่านดีกว่า

การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน

อาจช่วยให้นอนหลับดีขึ้นมากกว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิ การวิจัยเบื้องต้นแสดงให้เห็นว่าการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านที่ทำงานในการเสริมสร้างกล้ามเนื้ออาจดีกว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิก

การออกกำลังกายแบบมีแรงต้าน เพื่อปรับปรุงระยะเวลาและคุณภาพการนอนหลับ และนั่นอาจจะดีสำหรับหัวใจของคุณ เป็นที่ทราบกันมากขึ้นว่าการนอนหลับอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนอนหลับที่มีคุณภาพสูง มีความสำคัญต่อสุขภาพ รวมทั้งสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แองเจลิค เบรลเลนธิน ผู้เขียนการศึกษากล่าวในการแถลงข่าว Brellenthin เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านกายภาพวิทยาที่ Iowa State University ในเอมส์

น่าเสียดายที่ชาวอเมริกันมากกว่าหนึ่งในสามนอนไม่เพียงพอเป็นประจำ แม้ว่าการออกกำลังกายแบบแอโรบิกมักจะแนะนำให้ปรับปรุงการนอนหลับ แต่ Brellenthin ชี้ไปที่รายงานของกระทรวงสาธารณสุขและบริการมนุษย์ประจำปี 2018 ที่เรียกร้องให้มีการวิจัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับการออกกำลังกายแบบใช้แรงต้านและผลการนอนหลับ การศึกษาของเราเป็นหนึ่งในการทดลองออกกำลังกายที่ใหญ่ที่สุดและยาวที่สุดในผู้ใหญ่ทั่วไป เพื่อเปรียบเทียบผลกระทบของการออกกำลังกายประเภทต่างๆ กับพารามิเตอร์การนอนหลับที่หลากหลาย

การวิจัยก่อนหน้านี้แสดงให้เห็นว่าการนอนหลับไม่เพียงพอหรือการนอนหลับไม่ดีสามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง คอเลสเตอรอลสูง และการสะสมของคราบพลัคในหลอดเลือดแดง

ซึ่งเป็นภาวะที่เรียกว่าหลอดเลือด การนอนหลับไม่เพียงพอยังเชื่อมโยงกับการเพิ่มของน้ำหนัก โรคเบาหวาน และการอักเสบ ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับหัวใจและอาจทำให้โรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรงขึ้น การนอนหลับมากเกินไปหรือไม่เพียงพอได้รับการแสดงเพื่อเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง หัวใจวาย และความตาย ในการศึกษาใหม่ซึ่งนำเสนอเมื่อวันพฤหัสบดีที่การประชุมระบาดวิทยาและการป้องกัน ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพหัวใจของสมาคมโรคหัวใจอเมริกัน นักวิจัยได้สุ่มสุ่มเลือกผู้ใหญ่ที่น้ำหนักเกินและไม่ได้ใช้งาน 386 คน

ที่มีความดันโลหิตสูงให้เป็นหนึ่งในหลายกลุ่ม: การต่อต้านภายใต้การดูแลหรือ    เครื่องช่วยฟังขนาดเล็ก        การออกกำลังกายแบบแอโรบิกสามครั้งต่อสัปดาห์สำหรับ 60 นาทีต่อปี; รวมแรงต้าน/การออกกำลังกายแบบแอโรบิก หรือกลุ่มควบคุมที่ไม่มีการออกกำลังกายภายใต้การดูแล

ผู้เข้าร่วมการออกกำลังกายแบบมีแรงต้านทำงานกลุ่มกล้ามเนื้อหลักทั้งหมดโดยใช้เครื่องต้านทาน 12 เครื่องเพื่อทำซ้ำสามชุดแปดถึง 16 ครั้งในแต่ละเครื่อง ผู้เข้าร่วมการออกกำลังกายแบบแอโรบิกสามารถเลือกระหว่างลู่วิ่ง จักรยานแบบตั้งตรงหรือแบบนอนราบ หรือเครื่องเดินวงรี ซึ่งใช้ในระดับปานกลางถึงรุนแรงเพื่อให้อัตราการเต้นของหัวใจอยู่ในช่วงเป้าหมาย กลุ่มรวมแบ่งเวลาระหว่างประเภทของการออกกำลังกายในแต่ละเซสชั่น คุณภาพการนอนหลับทั้งหมด ระยะเวลาการนอนหลับ เวลาที่ใช้ในการหลับ เวลาที่พวกเขานอนบนเตียงและจำนวนและความถี่ของปัญหาการนอนหลับโดยใช้แบบสอบถามแบบรายงานด้วยตนเองเมื่อเริ่มการศึกษาและอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดหนึ่งปี