เอะอะก็แพ้ 9 สิ่งที่คุณอาจแพ้โดยไม่รู้ตัว

9 สาเหตุของอาการแพ้ ใกล้ตัว ที่คุณอาจนึกไม่ถึง มาดูกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง

หลายๆ ท่านที่แพ้ขนสุนัขหรือขนแมวอาจจะไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ยังมีสัตว์อีกหนึ่งประเภทที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ นั่นก็คือ สัตว์เลื้อยคลาน เป็นอีกหนึ่งตัวร้ายที่ทำให้หลายๆ คนต้องแพ้เพราะมีโปรตีนบางชนิดบนผิวหนังของสัตว์เลื้อยคลายที่เป็นอันตรายต่อภูมิคุ้มกันของมนุษย์ สำหรับผู้ที่แพ้สัตว์เลื้อยคลานอาจจะเกิดอาการคันตา น้ำมูกไหล หรือเป็นหอบหืดได้

การออกกำลังกาย
ออกกำลังกายเป็นเรื่องที่ดีแต่หลายๆ ท่านอาจกำลังสับสนในเรื่องการออกกำลังกายที่ก่อให้เกิดอาการแพ้ และการออกกำลังกายที่ก่อให้เกิดอาการหอบหืด สำหรับการออกกำลังกายที่ก่อให้เกิดอาการแพ้นั้นมักจะเกิดขึ้นจากอาหารที่ได้กินไปก่อนหน้านั้นด้วย เช่น อาหารทะเล ผักบางชนิดเช่น เซเลอรี และชีส สำหรับผู้ที่กินอาหารเหล่านี้ไป และเมื่อได้เริ่มออกกำลังกายแล้วจึงมีอาการแพ้ที่ผิวหนังและระบบทางเดินหายใจ ดังนั้นอย่าลืมระวังของที่กินก่อนไปออกกำลังกายกันนะคะ

แพนเค้ก
ฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่แพนเค้กแสนอร่อยกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ นอกจากส่วนผสมบางชนิดในแป้งแพนเค้กที่อาจทำให้คนแพ้ได้แล้ว ยังมีโรคอีกหนิดที่เรียกว่า Pancake Syndrome ซึ่งเป็นอาการแพ้อย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นตามหลังการกินอาหารที่ทำจากแป้งสาลีที่มีการปนเปื้อนจากไรเล็กๆที่อาศัยอยู่กินในแป้ง ดังนั้นใครที่อยากกินแพนเค้กอย่าลืมใช้แป้งที่สดใหม่ทำนะคะ

ถุงยางอนามัย
บางท่านที่มีอาการแพ้ลาเท็กซ์ก็จะหนีไม่พ้นอาการแพ้ถุงยางอนามัยซึ่งทำมาจากลาเท็กซ์ด้วยเช่นกัน ใครที่มีอาการแบบนี้อย่าลืมปรึกษาแพทย์เพื่อหาทางป้องกันเพิ่มเติม

เหงื่อ

เป็นอีกหนึ่ง สาเหตุของอาการแพ้ ประเทศเราที่มีอากาศร้อนชื้นแบบนี้ทำให้เหงื่อออกได้ง่าย และบางคนอาจจะมีอาการแพ้เหงื่อตัวเอง โดยโรคที่แพ้เหงื่อตัวเองนั้นจะเรียกว่า Cholinergic Urticaria ผู้ที่มีอาการจะมีผื่นคัน แต่อาการมักจะไม่รุนแรงและหายได้เองหลังจากได้ชำระร่างกายให้สะอาดและอยู่ในที่เย็น

ผ้าขนสัตว์
ขนสัตว์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทราบกันดีว่ามักจะก่อให้เกิดอาการคันอยู่แล้ว แต่นอกเหนือจากผิวสัมผัสแล้วยังมีสารบางประเภทในขนสัตว์เช่น ไขจากขนแกะก็อาจก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ได้อีกด้วย

เครื่องประดับ
สาวๆ ที่ชอบใส่เครื่องประดับต้องฟังไว้ เพราะการซื้อเครื่องประดับบางชิ้นที่ไม่ได้มาตรฐานอาจจะทำให้เกิดอาการแพ้ได้ เพราะเครื่องประดับราคาถูกบางชนิดมักจะมีการผสมธาตุนิกเกิ้ลลงไปซึ่งจะทำให้เกิดผื่นแดงกับผู้สวมใส่ได้

แอลกอฮอล์
แอลกอฮอล์บางชนิดมีการผสมซัลไฟต์ที่เป็นปัจจัยที่ก่อให้เกิดโรคหอบหืดได้ โดยผู้ที่มีอาการแพ้แอลกอฮอล์และซัลไฟต์มักจะมีอาการน้ำมูกไหล ไอ หรือจามหลังจากดื่มแอลกอฮอล์

ผลไม้ที่มีเกสร
ใครที่เริ่มมีอาการปากบวมหรืออาการคันหลังกินผลไม้บางชนิดต้องระวังให้ดี เพราะนั่นเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอาการแพ้เกสรจากผลไม้ ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะเกิดกับผู้ที่มีอาการแพ้เกสรดอกไม้อยู่แล้ว หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มักจะมีอาการแพ้บ่อยๆ ควรจะระวังเป็นพิเศษเรื่องอาหารการกิน หรือการแตะต้องสัมผัสกับสิ่งต่างๆ และหากเริ่มมีอาการแพ้ที่ไม่ทราบสาเหตุและเริ่มเป็นหนักแล้วล่ะก็ อย่าลืมไปหาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำและการรักษานะคะ

การนอนคือสิ่งสำคัญ นอนอย่างไรถึงจะดี

สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตของเราคือการนอน ซึ่งถือว่าเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด และมีผลอย่างมากต่อสุขภาพและการใช้ชีวิตประจำวันของเรา โดยการนอนแบ่งออกเป็น 2 วงจร ซึ่งจะเกิดขึ้นสลับกันไปในแต่ละคืน

  1. Non-Rem Sleep คือ ช่วงของการหลับตื้นไปจนถึงหลับลึก
  2. Rem Sleep คือวงจรที่กล้ามเนื้อต่างๆ หยุดทำงานหมดยกเว้น หัวใจ กระบังลม กล้ามเนื้อตาและกล้ามเนื้อเรียบ ซึ่งเป็นช่วงที่ฝันเป็นเรื่องเป็นราว โดยการนอนแบบนี้จะเกิดขึ้นในช่วงหลังของการนอนเป็นเหตุให้ฝันบ่อยๆในช่วงเช้ามืด

โดยการนอนที่ดีนั้นจะต้องมีทั้ง 2 ช่วง สลับกันไปในแต่ละคืน นอกจากนี้เรามักจะได้ยินคำถามที่ว่า ต้องนอนมากแค่ไหนถึงจะเรียกว่า “นอนอย่างเต็มที่” ซึ่งจริงๆแล้วในส่วนของเวลาการนอนนั้นไม่มีคำตอบเป็นข้อมูลที่ชัดเจน สิ่งที่หลายๆ คนรู้มาจากตามเว็บไซต์หรือจากแหล่งอื่นๆ คือ ค่าเฉลี่ย ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 6-8 ชั่วโมง แต่ทั้งนี้บางคนอาจนอนเพียงแค่ 5 ชั่วโมง ในขณะที่บางคนอาจใช้เวลานอนถึง 10 ชั่วโมง จึงจะรู้สึกสดชื่น สิ่งที่เป็นตัววัดว่าเรานอนอย่างเต็มที่หรือไม่นั้นคือการที่เราตื่นมาแล้วรู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่

นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่มักจะมีปัญหาการนอนไม่หลับหรือมีอาการสะดุ้งตื่นกลางดึก ซึ่งอาจเกิดจากการเป็นโรคต่างๆ เช่น โรคซึมเศร้า หรืออาจมีการใช้แอลกอฮอล์ สารเสพติดบางชนิด ส่งผลให้การนอนไม่ราบเรียบอย่างที่ควร

อาการเหล่านี้สามารถรักษาได้แต่ต้องตรวจสอบสาเหตุว่าเกิดจากอะไร เช่น คนไข้บางรายนอนกรนมากผิดปกติส่งผลให้นอนไม่หลับ ต้องรักษาโดยการใส่เครื่องช่วยหายใจระหว่างการนอนเพื่อให้นอนหลับได้สนิทมากขึ้น หรือหากเกิดจากการใช้ยาหรือแอลกอฮอล์ก็ควรจะเลิกใช้ นอกจากนี้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อ การจัดตารางการนอนให้เหมาะสม และงดดื่มกาแฟหรือเครื่องดื่มที่มีสารคาเฟอีนก็เป็นอีกวิธีที่จะทำให้นอนหลับสนิทมากยิ่งขึ้น