โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola virus disease – EVD) คืออะไร

โรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา (Ebola Virus Disease – EVD) เป็นโรคติดเชื้อที่มีความรุนแรงและมีความเสี่ยงต่อชีวิต มันเกิดจากไวรัสเอบอลาที่สามารถติดต่อผ่านการสัมผัสกับของเหลวร่างกายของผู้ป่วยที่ติดเชื้อ โรคนี้มักพบในพื้นที่ที่มีการระบาดของไวรัสอีโบลา

โดยพื้นที่ที่รายงานการระบาดของโรคนี้มักจะอยู่ในแอฟริกากลางและตะวันออก แต่ก็มีการรายงานของโรคในพื้นที่อื่นๆ บ้างด้วย ตัวอย่างเช่น ในประเทศลิเบียเร็วนี้ก็มีการรายงานของโรคนี้เกิดขึ้น

อาการของโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลามักเริ่มต้นด้วยอาการเหมือนไข้หวัดธรรมดา เช่น ไข้, ปวดกล้ามเนื้อ, อ่อนเพลีย และครั่นเนื้อครั่นใจ

อาการเหล่านี้อาจพัฒนาเป็นอาการรุนแรงขึ้นได้ เช่น อาการคลื่นไส้ อาการท้องเสีย, ไข้เจ็บคอ, ปัญหาทางระบบหายใจ และมีเลือดรุนแรงออก ในบางกรณีที่รุนแรงอาจทำให้เกิดอาการอวัยวะเสียหายและตายได้

การป้องกันโรคนี้รวมถึงการป้องกันการสัมผัสกับสารเหลวร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นไข้ การล้างมืออย่างถี่ถ้วน, การใช้ชุดป้องกันทางการแพทย์อย่างถูกต้อง เรียกว่า Personal Protective Equipment (PPE) และการป้องกันการสัมผัสกับสัตว์ที่อาจเป็นแหล่งเชื้อโรค

นอกจากนี้ การวัคซีนกำลังถูกพัฒนาขึ้นเพื่อป้องกันโรคนี้โดยปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้ทั่วไปอยู่ แต่มีการทดลองวัคซีนในระดับคลินิกที่กำลังดำเนินการอยู่

 ในกรณีที่มีการระบาดของโรคนี้ การรักษามักจะเน้นไปที่การรักษาอาการที่เกิดขึ้น และการจัดการกับอาการรุนแรง เช่น การให้น้ำ, การรักษาและการจัดการกับอาการของโรคแทน การรักษาโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลายังมีความสำคัญในการควบคุมการระบาดโดยการติดตามและฆ่าเชื้อในผู้ที่เป็นโรค

การระดมทรัพยากรทางการแพทย์และการศึกษาสาธารณสุขเช่นการแจ้งเตือนและการสอนแนะในชุมชนในพื้นที่ที่มีการระบาด นอกจากนี้ การดูแลและรักษาเสร็จสิ้นอาการของผู้ป่วยที่เริ่มต้นในช่วงเริ่มแรกอาจช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดการระบาดในขั้นตอนต่อไปได้ด้วย

การป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลานั้นมีหลายวิธีที่สามารถทำได้ ดังนี้

1.การล้างมือ: การล้างมืออย่างถูกต้องและสม่ำเสมอโดยใช้สบู่และน้ำที่ได้รับการตรวจสอบว่ามีคุณภาพดี หรือใช้เจลล้างมือที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนผสม

2.การใส่ชุดป้องกันทางการแพทย์ (Personal Protective Equipment – PPE): สำหรับบุคลากรทางการแพทย์หรือผู้ที่มีโอกาสสัมผัสกับผู้ป่วยที่เป็นไข้ การใส่ชุดป้องกันทางการแพทย์เช่น เสื้อผ้าป้องกันทางเหนือ, หน้ากากป้องกัน, แว่นตาป้องกัน, ถุงมือ, และรองเท้าป้องกัน เพื่อป้องกันการสัมผัสกับสารเสียจากผู้ป่วย

3.การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเหลวร่างกาย: การหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับเลือดหรือสารเหลวร่างกายของผู้ป่วยที่เป็นไข้ เช่น เลือด, น้ำหาย, น้ำลาย, น้ำมูก เป็นต้น

4.การป้องกันการสัมผัสกับสัตว์: ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ที่อาจเป็นแหล่งเชื้อโรค เช่น ลิง, มนุษย์ป่า, หรือสัตว์ป่าที่อาจเป็นพาหะของไวรัส

5.การป้องกันการระบาดในชุมชน: การใช้มาตรการควบคุมการระบาด เช่น การตรวจสอบความเข้มข้นของการติดตามการติดต่อ การกำกับดูแลและควบคุมการขนส่ง การจัดเตรียมสถานที่รักษาพยาบาล และการให้ข้อมูลแนะนำในการป้องกัน นอกจากนี้ การจัดการกับสายพันธุ์อื่นๆที่สามารถสร้างสภาวะเสี่ยงที่มีการระบาดโรคอย่างรวดเร็ว เช่น การจัดการกับการชุมนุมมวลชน

6.การฉีดวัคซีน: การวัคซีนกำลังถูกพัฒนาเพื่อป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสอีโบลา ซึ่งอาจจะเป็นส่วนสำคัญในการควบคุมการระบาดในอนาคต

 

ได้รับการสนับสนุนโดย          เครื่องช่วยฟังต้องใส่กี่ข้าง

ทำความสะอาดบ้าน หลังจากโดนน้ำท่วมได้อย่างไร

ชำระล้างบ้าน กำจัดเชื้อรา ให้หมดสิ้น ในเวลานี้ หลาย ๆ บ้าน แต่ละเขตพื้นที่ เหตุการณ์อุทกภัยก็ดีแล้วมากยิ่งกว่าเดิมแล้ว หลาย ๆ ท่าน คงจะได้กลับไปอยู่ที่บ้านบ้าง แต่ก็ต้องอ่อนแรงเมื่อพบกับสภาพบ้านหลังน้ำท่วม ในกรณีที่น้ำท่วมบ้านนาน ๆ แน่ ๆ ว่า ความชุ่มชื้นในบ้าน น่าจะสะสมเกิน 100% ไปแล้ว

สิ่งที่ตามมาเท่ากับว่าเป็น เชื้อราที่ไม่ปรารถนา รวมทั้งตบท้ายด้วย กลิ่นเหม็นอับ เหม็นเน่า

ด้วยเหตุว่า น้ำที่ท่วมขัง ขาดOxygen เมื่อขาดOxygen แบคทีเรียต่าง ๆ ก็ตายไป ตายไปก็มีการเน่าสะสม บางบ้านก็เกินเดือน จำเป็นต้องจัดการเร่งด่วนยิ่งนัก ที่จะจำต้องกลับมาบูรณาการกันใหม่

เอาหละมาดูแนวทางนิด ๆ หน่อย ๆ สำหรับในการกำจัดเชื้อรา ภายหลังอุทกภัย

– เมื่อกำเนิดเชื้อราสังกัดสิ่งของที่เป็นหลัก ให้ใช้น้ำสบู่ Alcohol หรือน้ำยาขัดส้วมล้าง และก็ขัดให้ด้วยแปรงจำพวกแข็งจนถึงเชื้อราออกจนกระทั่งสะอาด หลังจากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำขัดหลาย ๆ รอบกระทั่งจะมั่นใจว่าสะอาด

– สิ่งของที่ยกตัวอย่างเช่น หนังสือ กระดาษมัน กล่อง ให้ใช้สำลีชุบฟอร์มาลีนขัด แล้วและก็ตามด้วยผ้าชุบน้ำที่สะอาด แล้วหลังจากนั้นนำไปวางเอาไว้ภายในที่ที่อากาศระบาย และก็มีแดดส่องถึงนิดหน่อย แล้วปลดปล่อยให้แห้ง แม้กระนั้นถ้าหากเป็นหนังสือที่แช่น้ำไว้แรมเดือน ก็จำยอมเขวี้ยงทิ้งได้เลย เพราะมันน่าจะเน่าไปแล้ว

– พรม ฝ้า หรืออื่น ๆ ที่ลักษณะตามนี้ ถ้ามีเชื้อราขึ้น ให้เขวี้ยงทิ้งจะไม่มีอันตรายที่สุด เนื่องจากสิ่งของที่มีรูอย่างพรม ฝ้า และก็ที่พักผ่อนนี้ เป็นสิ่งของที่ล้างเชื้อราออกได้ยากมากมาย แล้วก็เกือบจะไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะสามารถล้างออกได้สะอาดหมดจด ซึ่งถ้าเกิดยังเอาแต่ใจใช้ไปเรื่อย ๆ ความชุ่มชื้นในห้องก็อาจทำให้เชื้อราแผ่ขยาย ฟักตัวได้กว้างขึ้น ส่งผลให้เกิดโรครวมทั้งเป็นโทษต่อระบบหายใจของผู้อาศัยไม่รู้ตัว ซึ่งแน่ ๆ ว่ามันไม่ควจะกำจัดเลย

– ไม่สมควรลงสีหรือแลคเกอร์ไปเลยทันทีในรอบ ๆ ที่พบเชื้อรา ต้องล้างทำความสะอาดสะอ้านก่อน ทิ้งเอาไว้ให้แห้งสนิท บางทีอาจทิ้งเอาไว้หลาย ๆ วันเลยจะดีเลิศ ๆ เนื่องจากความชุ่มชื้นมันสะสมสูงนะครับ แล้วต่อจากนั้นค่อยเริ่มลงสีหรือแลคเกอร์

– หากพบว่ามีเชื้อราผุดให้มองเห็นในของใช้ของสอยจำพวกเครื่องหนัง ให้ใช้น้ำส้มสายชูถูหลาย ๆ ครั้ง จนถึงมั่นใจว่าสะอาด แล้วหลังจากนั้นเช็ดถูด้วยน้ำที่สะอาด น้ำส้มสายชูจะช่วยในการกำจัดรอยคราบเชื้อราได้อย่างดีเยี่ยม

 

สนับสนุนโดย        Inspire คาสิโนเกาหลี

วิธีกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์สำหรับสุนัขและแมว

สำหรับคนรักสัตว์มักจะทราบกันดีอยู่แล้วเกี่ยวกับเรื่องกลิ่นไม่พึงประสงค์ที่มักพบเจอบ่อยจากการฉี่ ของสุนัขและน้องแมวหรือจะเป็นกลิ่นตัวและกลิ่นอุจจาระได้เช่นกัน กลิ่นไม่พึงประสงค์เหล่านี้มักจะทำให้รุนแรงมากถึงขนาดติดสินในบ้านทำให้ใครที่ไปมารู้สึกไม่ดีโดยวันนี้เรามีวิธีแนะนำกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์เหล่านี้ให้ออกไปและทำให้บ้านของคุณนั้นหอมยิ่งขึ้น

กลิ่นของสัตว์เลี้ยงทำไมถึงติดไปทั่วบ้านได้

 สำหรับบ้านที่เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเอาไว้ในบ้านมักรู้อยู่แล้วว่ากลิ่นสาบเหล่านั้นมักจะติดบ้านและทำความสะอาดได้ยากมากต่อให้คุณทำความสะอาดบ่อยแค่ไหนกลิ่นเหล่านี้ก็ไม่หายไป ก่อนที่จะรู้วิธีแก้ไขมารู้ก่อนว่ากลิ่นมันเกิดจากอะไร และเราจะแก้ไขมันได้อย่างไร โดยมีดังนี้

 

1.แอมโมเนียในปัสสาวะ

ก่อนอื่นต้องบอกว่าแอมโมเนียที่อยู่ในปัสสาวะของสัตว์นั้นถือว่ามีปริมาณที่สูงมากจึงทำให้การสร้างกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์นั้นมีความรุนแรงฉุนและติดทนนาน กระจายฟุ้งไปทั่วทั้งบ้าน

 

2.อาการขาดน้ำหรือโรคไต

สำหรับอาการขาดน้ำเป็นตัวชี้วัดที่ทำให้น้องนั้นมีปัสสาวะที่มีความเข้มค่อนข้างสูงนั่นจึงส่งผลทำให้กลิ่นของมันรุนแรงและมีวิธีการที่ขจัดมันออกได้ยาก

 

  1. พฤติกรรมของน้องที่มีการสร้างอาณาเขต

จะเห็นได้ว่าการเลี้ยงน้องหมานั้นสำหรับน้องแล้วจะมีพฤติกรรมที่ไปฉีดให้ทั่วเพื่อเป็นการสร้างอาณาเขตโดยบอกว่าตนนั้นเป็นเจ้าของและเมื่อเราทำความสะอาดน้องก็จะมาฉี่อีกครั้ง เพื่อทับกลิ่นซึ่งบ่งบอกว่าตนเป็นเจ้าของอาณาเขตแห่งนี้

 

  1. พื้นผิวที่มีรูขรุขระ

ถ้าหากว่าบ้านใครที่มีพื้นขรุขระจะเห็นได้ว่ากลิ่นเหล่านั้นจะกำจัดยากกว่าปกติและน้องชอบไปฉี่ตามคมหรือเบาะหรืออาจจะติดตามร่องกระเบื้องซึ่งสิ่งเหล่านี้มันเป็นสิ่งที่ทำความสะอาดค่อนข้างยากดังนั้นกลิ่นเหล่านี้จึงติดบ้าน

 

ขั้นตอนการดับกลิ่นไม่พึงประสงค์ให้หายออกไปจากบ้านของเรา

 

1.ทำความสะอาดทันทีที่สัตว์เลี้ยงของคุณฉี่

เราไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน ถ้าหากเราเห็นน้องของเราฉี่บนพื้นเราควรรีบที่จะเช็ดหรือทำความสะอาดในทันทีไม่ว่าจะเป็นบริเวณใดก็ตามเพราะสิ่งเหล่านี้มันจะส่งผลทำให้กลิ่นฉุนดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์หรือพื้นเราก็ควรทำความสะอาดในทันทีเราพบ

 

  1. ใช้น้ำยาถูพื้นที่มีส่วนผสมที่ปลอดภัยต่อสัตว์เลี้ยง

หลังจากที่เราเช็คทำความสะอาดเมื่อเห็นน้องฉี่แล้ว เราควรใช้น้ำยาถูพื้นมาเช็คอีกรอบเพื่อกำจัดกลิ่นตอนนั้นไปเสียและไม่กินคาบรอยกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์กับสิ่งต่างๆเรานั้น แต่เราควรเลือกน้ำยาที่มีส่วนผสมที่อ่อนโยนต่อสัตว์เลี้ยงของเราด้วยนะเพราะมันจะไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง

 

สนับสนุนโดย        Inspire Entertainment Resort

แนะนำวิธีเลือกทานอาหารอย่างไรให้ป้องกันโรค

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราเริ่มอายุมากขึ้น ปัญหาสุขภาพร่างกายย่อมเกิดขึ้นตามสภาพร่างกายของเราอย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่กำลังเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยสูงอายุ ซึ่งถือเป็นหนึ่งในช่วงวัยที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน

แนะนำวิธีเลือกทานอาหาร และร่างกายมีความเสี่ยงต่อการ เกิดปัญหาต่างๆได้ง่ายมากขึ้น

ซึ่งขอบอกเลยว่าการที่เราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการเลือกรับประทานอาหารที่ดีและมีประโยชน์ การออกกำลังกายเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ รวมถึงการพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ

เพื่อเป็นการส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงนั่นเอง เนื่องจากในสมัยปัจจุบันนี้โรคร้ายต่างๆเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่หลายหลายคนนั้นมักที่จะได้รับอยู่เสมอ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องเลือกสิ่งดีดีให้แก่ร่างกายของเราอยู่เสมอด้วยการเลือกรับประทานอาหาร

เพราะอาหารบางประเภทในสมัยนี้อาจมีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคร้ายบางโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งถ้าเราทานเป็นประจำก็จะจะยิ่งดีต่อร่างกาย ฉะนั้น สำหรับใครที่ต้องการดูแลสุขภาพร่างกายของตนเอง หรืออยากที่จะป้องกันร่างกายจะกลายเป็นเป็นโรคร้าย วันนี้เราก็จะมาแนะนำวิธีเลือกรับประทานอาหารอย่างไรให้ช่วยลดโรคได้ ไปดูกันเลย

การเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม อย่างที่เราทราบเป็นดีว่าแคลเซียมนั้นมีมีความสำคัญและจำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก

โดยเฉพาะผู้สูงอายุ เพราะโดยปกติแล้วร่างกายของผู้สูงอายุนั้นจะอ่อนแอเนื่องจากขาดการออกกำลังกาย แต่หากเราเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซี่ยมหรือวิตามินซีสูง ก็ถือเป็นหนึ่งในตัวช่วยดีที่จะทำให้กระดูกและร่างกายแข็งแรง อีกทั้งยังช่วยส่งเสริมร่างกายไม่ให้มีปัญหาเกี่ยวกับการเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่ายอีกด้วย

การเลือกทานอาหารให้เหมาะสม สิ่งสำคัญที่จะช่วยส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงได้คือการเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสม โดยเน้นไปที่อาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ยิ่งถ้าร่างกายใครอ่อนแอง่ายและป่วยเป็นโรคร้ายต่างๆได้ง่าย

การที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีส่วนช่วยในการป้องกันการเกิดโรคร้ายบางโรค ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงสามารถช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันโรคให้แข็งแรงได้

การเลือกทานอาหารที่อุดมไปด้วยโปรตีน หลายคนอาจจะสร้างกันเป็นอย่างดีอยู่แล้วว่าโปรตีนเป็นหนึ่งในสารอาหารที่มีมีความสำคัญต่อร่างกายมากๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับใครที่ต้องการมีร่างกายแข็งแรง เพราะโปรตีนจะสามารถช่วยส่งเสริมกล้ามเนื้อที่แข็งแรงได้ ทำให้ร่างกายแข็งแรง จึงอาจทำให้เราป่วยได้ยากนั่นเอง

 

สนับสนุนโดย        เครื่องช่วยฟังราคาถูก

เปิดเทคนิคที่จะทำให้เราเข้านอนเร็วขึ้น

การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่เราไม่ควรจะมองข้า เพราะในแต่ละวัน ร่างกายของเราถูกใช้งานอย่างหนักจากการทำงาน หรือการใช้ชีวิต จึงทำให้ในบางครั้งนั้นร่างกายของเราอาจจะรู้สึกอ่อนเพลัยได้ง่าย

ฉะนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองให้ดีอยู่เสมอ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการเติมสิ่งดี ๆ ให้แก่ร่างกาย แต่เป็นการเข้านอนเร็ว นอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ

เพื่อเป็นการพีกผ่อน และให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะการที่เรามีสุขภาพร่างกายร่างกายที่ดีจากภายในสู่ภายนอก

หรือมีร่างกายที่แข็งแรงนั้น เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ      เราสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เราเชื่อว่าหลาย ๆ คนในสมัยนี้มักที่จะมีพฤติกรรมการนอนน้อย หรืออดนอนกันอยู่เสมอ

แต่ไม่ว่าจะเนื่องด้วยเหตุผลไหนก็ตาม วันรรี้เราจะมาแนะนำวิธีง่าย ๆ ที่จะช่วยกระตุ้นให้คุณนั้นเข้านอนได้เร็วมากขึ้น เพื่อเป็นการชาร์จพลังงานให้แก่ร่างกาย ยิ่งหากใครที่มีพฤติกรรมการนอนน้อย รับรองได้เลยว่าหากทำตามวิธีนี้จะช่วยให้คุณนั้นสามารถนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะมีเทคนิคไหนบ้างไปดูกันเลย

 

1.การทำให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลายมากที่สุด

แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรานั้น นอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ การที่เราไม่เครียด และทำให้ตนเองรู้สึกผ่อนคลายได้มากที่สุด เพื่อที่จะทำให้เรานั้นนอนหลับได้ง่าย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเรารู้สึกผ่อนคลาย ไม่มีความกังวล หรือความเครียด จะทำให้เรารู้สึกสบายมากขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นให้เราหลับได้ง่ายนั่นเอง 

2.การสร้างสภาพแวดล้อมให้น่านอน

รู้หรือไม่ว่า ห้องนอนเป็นบริเวณที่เราจะรู้สึกสบายมากที่สุด จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องสร้างบรรยากาศให้น่านอนมากที่สุด เพื่อให้เรานั้นอยากที่จะเข้านอนอยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากใครที่อยากนอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพ การสร้างบรรยากาศให้ห้องนอน ไม่ว่าจะเป็นทั้งการใช้เครื่องหอมระเหย การนำต้นไม้มาวางตกแต่ง เพื่อทำให้เรานั้นรู้สึกสบายใจ รับรองได้เลยว่า จะยิ่งทำให้เรานอนหลัยได้ยาวนานตลอดทั้งคืน 

3.การสร้างนิสัยที่ดีในการนอน

การที่เราจะสร้างสุขภาพร่างกายที่ดี และสร้างนิสัยในการนอน สิ่งสำคัญที่เราไม่ควรมองข้ามเลยก็คือ การเข้านอนให้ตรงเวลา เพราะถ้าหากเราสามารถสร้าวนิสัยแบบนี้ได้เป็นประจำ นอกจากจะดีต่อร่างกายของเราแล้ว ยังเป็นการฝึกร่างกายของเราให้เข้านอนได้ตรงต่อเวลามากขึ้นได้อีกด้วย 

การลดไขมันทั้งตัวแบบง่ายและได้ผลจริง

สำหรับใครที่เห็นหัวข้อนี้เราขอบอกเลยว่าคุณสามารถมั่นใจได้ว่าลดได้จริงๆ โดยไม่ว่าจะเป็นการลดหน้าท้องหรือการลดส่วนในท้องของคุณ อย่างที่เราเคยบอกเอาไว้ว่าไขมันนั้นมันมีหลายส่วนด้วยกัน

 

โดยจะส่วนใหญ่แล้วจะบ่างออกเป้น 3 ส่วนที่ใหญ่ๆด้วยกันคือ

1.หน้าท้องที่ย้วยๆนิ่มๆ

2.ส่วนในท้องที่ทำให้ท้องของเราป่องออกมา

3.ส่วนที่เกาะตามอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นตับหรือหลอดเลือดก็ตาม

ซึ่งขั้นตอนต่อไปนี้จะสมารถเข้าไปช่วยลดสัดส่วนต่างๆของท่านได้จริง สำหรับการดูดไขมันที่ผิวหนัง มันอาจจะลดได้แต่ก็ช่วงแค่ผิวหนังเท่านั้นนะ แต่ทว่าในบริเวณช่องท้องจริงๆนั้นมันลดไม่ได้หรอก

แต่สำหรับ    เครื่องช่วยฟังแบบชาร์จ   การออกกำลังกายบางอย่างนั้นก็อาจจะส่งผลทำให้ผิวหนังบางจุดย้วยไปด้วย แต่ว่าไขมันก็ลดไม่ได้อีก หรือว่าใครก็ตามทำทุกอย่างรวมกันหมดแล้ว ส่งผลทำให้ไขมันช่องท้องลด ไขมันที่เอวลด แต่ว่าไขมันตับ หรือไขมันหลอดเลือดไม่ลดอีก แต่ขั้นตอนที่เราจะแนะนำนี้จะพาคุณลดได้ทุกส่วนที่เราเอ๋ยมานี้เลย

ขั้นตอนการลดไขมันทุกส่วนสามารถทำได้ตามนี้

1.การลดคาร์โบไฮเดรต ลง

เริ่มมต้นง่ายๆกันเลยด้วยวิธีการลดคาร์โบไฮเดรตลง เพราะว่าเวลาเราพูดถึงมันนั้นเราจะต้องเข้าใจเสียก่อนว่า อาหารหลักที่เรานั้นเรียกว่าแม็คโครนิวเทรีนท์ มันจะมีอยู่3 องค์ประกอบด้วยกันนั่นก็คือ โปรตีน ไขมัน และก็คาร์โบไฮเดรต โดยเราเชื่อว่าคุณแยกประเภทว่ามันมีอะไรกันบ้างได้อยู่แล้ว ฉะนั้นเราจะไม่เจาะลึกตรงนี้นะ โดยอาหารจำพวกนี้เราควรที่จะลดให้น้อยกว่า 150 กรัมต่อวัน

2.ลดน้ำตาลลดสารทดแทนความหวานทุกชนิด

ต่อมาเราจะต้องลดการเติมน้ำตาล ท่านจะสังเกตุได้ว่าอาหารไทยหรืออาหารทั่วไปมันจะมีการปรุงอาหารซึ่งมันจะมีการ

แอบแฝงน้ำตาลค่อนข้างมาก และเราไม่สามารถที่จะกำหนดได้เลยว่า จะต้องมากน้อยแค่ไหน โดยเราจะต้องลดแป้งให้ต่ำ และนอกจากนั้นเราควรคำนวณการกินความหวานจากน้ำตาลและผลไม้บางชนิดด้วย ซึ่งมันจะส่งผลให้ไปกระตุ้นน้ำตาลในเลือดของคุณนั่นเอง

3.โปรตีนธรรมชาติในปริมาณที่เหมาะสม

เราควรทานโปรตีนที่เป็นธรรมชาติ แต่ก็ไม่ควรทานมากจนเกินไป โดยเราควรทานในปริมาณที่พอเหมาะและเหมาะสมเท่านั้น เพราะมันอาจจะส่งผลร้ายให้แก่ร่างกายของคุณได้ ถ้าคุณไม่ควบคุมโปรตีนธรรมชาติในปริมาณที่พอเหมาะ ถึงแม้ว่าโปรตีนจะมีผลดีต่อร่างกาย แต่ถ้าเราหักโหมเอาแต่โปรตีนเข้าร่างกายจนมากเกินไปก็อาจจะส่งผลเสียให้แก่ร่างกายได้มากเช่นกัน

เคลียร์ตู้เย็น และจัดวางอย่างเป็นระเบียบ

จัดวางอย่างเป็นระเบียบ ด้วยเหตุว่าตู้แช่เย็นเป็นราวกับห้วงลี้ลับ ที่พวกเราอาจะไม่ได้คิดถึงว่า ของทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้าตู้แช่เย็นไป มิได้เป็นอมตะเหมือนอย่างที่คิด การจัดระบบตู้แช่เย็น เกิดเชิญชวนสงสัย จะเริ่มจากที่ไหน แล้วจัดแบบไหนถึงจะถูก

บางทีคุณอาจจะสงสัย เค้กกล่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร ข้าวที่เหลือเมื่อวานนี้อยู่ที่ไหน ปริศนาเบสิกประจำหน้าตู้แช่เย็น

แล้วก็กับอีกสารพัดสารพันปัญหาชักชวนสงสัย ที่แม้กระทั้งคนตอบก็ยังไม่ค่อยมั่นใจว่า ของที่อยู่ในตู้แช่เย็นยังอยู่ในสถานะที่กินได้จริง ๆ หรือเปล่า จะจับอะไร ก็แทบจำเป็นต้องรื้อถอนออกมาทั้งตู้ แต่ว่าก็ยังหาไม่พบ

หรือมีของเน่าเสียด้วยเหตุว่ารับประทานไม่ทัน หรือแช่ไว้ในตู้เย็นจนหมดอายุก็ยังมี ถ้าหากได้ลงมือ จัดระบบตู้แช่เย็น กันมองสักหนึ่งครั้ง จะช่วยจัดการกับปัญหาได้อีกเยอะแยะ

– การเข้าถึงของกินได้ง่าย และก็เร็วทันใจที่สุดเป็นปัจจัยหลักของการจัดตู้แช่เย็น

– การจัดระเบียบปฏิบัติให้เห็นว่าอะไรอยู่ที่ไหน ช่วยทำให้พวกเราไม่ลืมเลือนที่จะถือใช้

– จัดระบบของแต่ละชั้น จัดการกับปัญหาชั้นที่รุงรัง ของใช้ผสมกัน

– โละของที่ไม่จำเป็นว่าต้องแช่เย็นออกไปก่อน 

นิสัยการเก็บ แต่ละครอบครัวมีลักษณะการเก็บของกินที่ต่างกัน ขึ้นกับของกินที่รับประทานเสมอ ๆ ประกอบอาหารรับประทานเองบ่อยครั้งเพียงใด เก็บของกินที่เหลือไว้มั้ย แล้วก็จำนวนการเก็บของกินมาก-น้อยเพียงใด

ของสด สำหรับ      ฮอยอาน่า    ทำกับข้าวยกตัวอย่างเช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ต่าง ๆ สิ่งกลุ่มนี้จำต้องเก็บให้มิดชิด คุ้มครองปกป้องการแปดเปื้อนกับของกินพร้อมทาน

ของกินพร้อมกิน เป็นต้นว่า ขนมเค้ก ของหวาน ข้าวกล่อง มีระยะการเก็บไม่นาน รวมทั้งเนื่องจากว่าเป็นของกินที่ผ่านการปรุงพร้อมทาน ก็เลยไม่สมควรให้สัมผัสกับของสดอื่น ๆ เพื่อคุ้มครองปกป้องการแปดเปื้อน

ของเหลือ ตัวอย่างเช่น ของกินที่รับประทานเหลือจากเมื่อวานนี้ ของกินที่รับประทานเหลือที่เกิดขึ้นจากด้านการกินข้าวนอกบ้าน เป็นของกินพร้อมทานในกรุ๊ปที่เสียได้ง่าย ด้วยเหตุว่าผ่านการสัมผัสที่เกิดจากการกินนิดหน่อย ไม่สมควรเก็บไว้เป็นระยะเวลานานกว่า 1-2 วัน

 

ภาชนะช่วยเก็บ

ตัวเลือกที่ดีสำหรับในการจัดเก็บของกิน เป็น กล่องพลาสติกใส ที่มีฝาปิด วางซ้อนกันได้อย่างถาวร จะช่วยทำให้พวกเราวางแผนพื้นที่ข้างในตู้แช่เย็นได้อย่างคุ้ม กล่องทรงยาว เพื่อจัดตั้งของในแนวลึก

ที่ช่วยทำให้จัดเก็บของใช้ข้างในได้อย่างเรียบร้อย เมื่อก่อนที่จะรีบออกไปซื้อกล่องต่าง ๆ อย่าลืมคิดแผนว่าจะเก็บอะไรไว้ที่ไหน แล้วก็ วัดขนาดของช่องด้านในตู้แช่เย็นก่อนด้วย

3 สาเหตุที่เราไม่ควรออกกำลังกายตอนท้องว่าง

ถึงแม้ว่าการออกกำลังกาย จะสามารถส่งเสริมสุขภาพร่างกายที่ดีและแข็งแรงให้แก่เราได้ แต่รู้หรือไม่ว่า การออกกำลังกาย หากเราออกแบบผิดวิธีก็อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเราได้เช่นกัน

โดเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายในช่วงที่เรากำลังท้องว่า เพราะเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่เราควรให้ความสำคัญ

โดยเฉพาะร่างกายและจิตใจของเราเอง ซึ่งหากเรากำลังท้องว่างแล้วไปออกกำลังกาย แน่นอนว่าอาจจะส่งผลเสียต่าง ๆ มากมาขึ้นกับร่างกายของเราได้ ถึงแม้คนส่วนใหญ่จะมองว่า การออกกำลังกายมีประโยชน์

จะออกกำลังกายตอนไหนก็ได้ ย่อมมีประโยชน์ต่อร่างกายของเราได้ทั้งนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว หากเราอยากที่จะออกกำลังกายให้มีประโยชน์ ก็ควรที่จะคำนึงถึงสิ่งที่เราควรจะทำนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สำหรับใครที่กำลังสงสัยว่า ทำไมการออกกำลังกาย ถึงไม่ควรที่จะออกในขณะที่เรากำลังท้องว่า ซึ่งวันนี้เราก็จะพาทุกคนไปดูกันว่าจะมีเหตุผลไหนบ้างที่เราไม่ควรทำ ไปดูกันเลย

 

  • อาจทำให้น้ำตาลในเลือดต่ำ

การออกกำลังกายในขณะที่ท้องกำลังว่างอยู่นั้น อาจจะส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดเกิดการลดต่ำลงได้ และอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่สบายตัว เวียนหัวได้ง่าย หน้ามืดง่าย รวมไปถึงอาจจะทำให้เรานั้นเสี่ยงต่อการเป็นลมได้นั่นเอง

ฉะนั้น หากเรามีความต้องการที่จะไปออกกำลังกาย ก็ควรที่จะทานอาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อคงความสมดุลของน้ำตาลในเลือด และเพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ขึ้น 

  • อาจทำให้ร่างกายขาดน้ำ

อย่างที่เราทราบกันดีว่า เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราไม่มีสารอาหารเพื่อไปหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ และร่างกายของเรานั้นถูกใช้งานหนักจนเกินไป อาจจะทำให้ร่างกายของเราเกิดอาการขาดน้ำได้

ยิ่งถ้าเราท้องว่างและออกกำลังกายอย่างหนัก จะยิ่งทำให้ร่างกายของเราเกิดการสูญเสียน้ำจำนวนมาก ทำให้ร่างกายของเราไม่สามารถชดเชยน้ำที่สูญเสียไปได้ทันนั่นเอง 

  • อาจทำให้เราเสี่ยงต่อการบาดเจ็บได้ง่าย

เมื่อไหร่ก็ตามที่เราออกกำลังกายในขณะที่ท้องกำลังว่าง กล้ามเนื้อภายในร่างกายของเราจะถูกใช้งานอย่างหนัก และไม่ได้รับการฟื้นฟูอย่างเต็มที่ อาจจะทำให้เรานั้นยิ่งมีความเสี่ยงต่อการได้รับบาดเจ็บได้ง่ายมากขึ้น จนทำให้การออกกำลังกายนั้นไม่มีประสิทธิภาพ

ฉะนั้น นี่จึงเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ว่า ทำไมเราจึงไม่ควรที่จะออกกำลังกายในช่วงที่เรากำลังท้องว่างนั่นเอง เพราะอาจจะก่อให้เกิดอาการบาดเจ็บต่าง ๆ ได้ง่ายนั่นเอง 

 

สนับสนุนโดย        เครื่องช่วยฟังเล็กจิ๋ว

วิธีทางเบื้องต้นที่จะสามารถช่วยบ้านของคุณให้เย็นขึ้น

บ้านร้อน นับว่าเป็นหนึ่งในปัญหากวนความรู้สึกของผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อย โดยยิ่งไปกว่านั้นในฤดูร้อนของเมืองไทย ที่มีอุณหภูมิความร้อนพุ่งสูงอย่างมาก นอกเหนือจากที่จะทำให้ผู้อาศัย รู้สึกร้อนอบอ้าว เจ็บป่วยตัวเมื่ออยู่ในบ้านแล้ว

ยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงาน จากแอร์หรือพัดลมภายมากยิ่งกว่าธรรมดาอีกด้วย แนวทางแก้ไขปัญหาบ้านร้อนไปดูกันเลย

  1. ปลูกต้นไม้

สำหรับผู้ใดที่มีพื้นที่ว่างรอบ ๆ บ้าน เสนอแนะให้ปลูกต้นไม้ที่มีพุ่มไม้แผ่ให้ร่มเงากว้างใหญ่ แต่ว่าจะต้องไม่หยั่งรากลึกจนกระทั่งทำลายส่วนประกอบบ้าน ต้นไม้ที่ควรจะเลี่ยงปลูกลงในรอบ ๆ บ้าน ยกตัวอย่างเช่น ต้นโพธิ์ ต้นมะม่วง ฯลฯ ทิศตะวันตกเป็นด้านที่เหมาะสมแก่การปลูกต้นไม้ เพื่อจะได้ป้องกันแสงแดดยามบ่ายที่มีอุณหภูมิสูง

  1. จัดตั้งฉนวนกันความร้อน

การต่อว่าดตั้งฉนวนกันความร้อนรอบ ๆ หลังคา เป็นอีกหนึ่งแนวทางที่จะสามารถช่วยลดความร้อนจากข้างนอก ที่ไปสู่ตัวบ้านได้ดีมากยิ่งกว่า การตำหนิดตั้งเฉพาะเพียงแค่ตัวหลังคา แล้วก็ยังช่วยลดความร้อนได้มากเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ อย่างยิ่งจริง ๆ

  1. เลือกใช้กระเบื้องสำหรับเพื่อการปูพื้น

การปูพื้นบ้านด้วยกระเบื้องจำพวกอะไรก็แล้วแต่ จะช่วยทำให้บ้านของพวกเราเย็นขึ้นได้ ด้วยเหตุว่ากระเบื้องสามารถเก็บความเย็นจากพื้นดิน รวมทั้งระบายความร้อนได้ดียิ่งไปกว่าสิ่งของจำพวกอื่น

  1. เลือกใช้ฝาผนังกระจกที่ช่วยลดความร้อน

ตอนนี้การเลือกใช้ฝาผนังกระจก เป็นอีกโอกาสหนึ่งที่เป็นที่ชื่นชอบ เพราะว่านอกเหนือจากความสวยแล้วยังช่วยปกป้องความร้อนได้อีกด้วย ดังเช่นว่า กระจกโฟลตสีตัดแสงสว่าง กระจกฉนวนความร้อน ซึ่งเป็นกระจกที่ถูกดีไซน์มา

สำหรับคุ้มครองความร้อนจากด้านนอกที่จะไปสู่ตัวตึกโดยยิ่งไปกว่านั้น ก็เลยช่วยใช้พลังงานน้อยลงในบ้านเป็นอันมาก

  1. เลือกสีทาบ้านเป็นโทนสีอ่อน

ความอ่อนเข้มของสีส่งผลต่ออุณหภูมิของบ้าน การเลือกสีทาบ้านที่มีโทนสีสว่าง จะช่วยปกป้องบ้านร้อนเจริญ ด้วยเหตุว่าสีอ่อนมีคุณลักษณะสะท้อนแสงออกได้มากกว่าสีแก่ แล้วก็มีอัตราการดูดดูดซึมความร้อนน้อย เป็นต้น

ว่า สีฟ้า สีขาว สีครีม พวกเราก็เลยมักไม่ค่อยมองเห็นบ้านที่ทาด้วยสีทึบเข้มในไทย เพราะเหตุว่าจะนำมาซึ่งการทำให้บ้านร้อนจากการกักเก็บความร้อนไว้นาน

และนี่เป็นวิธีทางเบื้องต้นที่จะสามารถช่วยบ้านของคุณให้เย็นขึ้น อยู่แล้วไม่ร้อน ไม่เปลืองพลังงานทั้งน้ำทั้งไฟ หรือทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าทำงานหนัก อย่างไรก็ตามให้เลือกวิธีการที่คิดว่าเหมาะสมกับคุณจะดีที่สุด

 

ได้รับการสนับสนุนจาก        เครื่องช่วยฟังตัดเสียงรบกวน

ข้อควรรู้เกี่ยวกับการป้องกันฟันผุ

X-RAY DENTAL FORMATION, Organisme de formation à LYON (Rhônes Alpes ...

การป้องกันฟันผุเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผุและรักษาสุขภาพช่องปากได้อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คือบางวิธีที่ช่วยป้องกันฟันผุ

1.การแปรงฟัน:แปรงฟันอย่างน้อย 2 ครั้งต่อวัน โดยใช้ยาสีฟันที่มี fluoride เพื่อป้องกันฟัน

ใช้แปรงฟันที่มีใยได้ดี เพราะมันช่วยทำความสะอาดระหว่างฟัน

2.ใช้ดีเทอร์เจนต์:การใช้ดีเทอร์เจนต์หลังจากทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีแอซิด เพื่อลดการเกิดกรดในช่องปาก

3.งดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล:การลดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลช่วยลดการเกิดแบคทีเรียที่ทำให้เกิดผุ

4.การไปทำความสะอาดฟันประจำ:ไปทำความสะอาดฟันกับทันทีหลังจากที่ทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

5.การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี fluoride:ใช้แก่นสาร fluoride เพิ่มเติม เช่น ยาสีฟันหรือแก้วน้ำหลังจากใช้ดีเทอร์เจนต์

5.การไปทำการตรวจสุขภาพช่องปาก:ไปทำการตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันทีหากมีปัญหาหรืออาการผุ

6.การใช้ฟันปลอมหรือฟันเทียม:ในบางกรณีที่มีการสูญเสียฟันหรือมีปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างฟัน การใช้ฟันปลอมหรือฟันเทียมอาจจะเป็นทางเลือกที่ดี

การรักษาฟันผุและการป้องกันให้มีสุขภาพช่องปากที่ดีต้องเริ่มต้นจากการรักษาฟันอย่างเหมาะสมและการดูแลสุขภาพช่องปากทุกวันอย่างสม่ำเสมอ

Evde Diş Taşı Temizliği: 5 Doğal Çözüm - Nefis Yemek Tarifleri

การดูแลรักษาเมื่อฟันผุ

เมื่อมีฟันผุเกิดขึ้น การดูแลรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ปัญหาไม่กลับมาเป็นที่และสามารถป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้. นี่คือขั้นตอนและวิธีการดูแลรักษาเมื่อเจอฟันผุ

 

ไปพบแพทย์ทันทีที่พบฟันผุ

หากคุณสังเกตเห็นสีดำหรือรูบนฟัน ควรนัดหมายพบทันตแพทย์ทันที เพื่อทำการตรวจสุขภาพช่องปากและดำเนินการรักษา

1.การทำรักษาทันตกรรม:ทันตแพทย์อาจทำการทำรักษาทันตกรรมเพื่อเสริมโครงสร้างของฟัน โดยอาจจะใช้ฟิลลิ่ง (การเติมหลุมฟัน), ใส่ฟันเทียม, หรือการทำการผ่าตัดฟันตามความเหมาะสม

2.การใช้ยาป้องกันแบคทีเรีย:ทันตแพทย์อาจสั่งยาป้องกันแบคทีเรีย เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคฟันผุเพิ่มเติม

3.การป้องกันฟันผุในอนาคต:ปรับเปลี่ยนนิสัยการดูแลช่องปาก เช่น การแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ ใช้ดีเทอร์เจนต์ และลดการบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

4.การทำการตรวจสุขภาพช่องปากประจำ:ทำการตรวจสุขภาพช่องปากที่ทันทีทุก 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อตรวจสอบสุขภาพช่องปากและรับการคำแนะนำเพิ่มเติมจากทันตแพทย์

5.การรักษาอาการปวด:หากมีอาการปวดในฟันผุ ควรรักษาโดยการใช้ยาแก้ปวดที่ผู้เชี่ยวชาญทันตกรรมแนะนำ

6.การดูแลทำความสะอาดฟัน:หลังจากการรักษาฟันผุ ควรดูแลทำความสะอาดฟันอย่างดีเพื่อป้องกันการเกิดฟันผุอื่นๆ

การดูแลรักษาฟันผุเร็วๆ ทำให้มีโอกาสที่ฟันจะกลับมาสภาพปกติและลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาในอนาคตได้

 

 

สนับสนุนโดย        hoiana เวียดนาม