เทคโนโลยีพลังงานทดแทน

เทคโนโลยีพลังงานทดแทน มันคืออะไรเรามาดูกันเลยคะ เทคโนโลยีพลังงานทดแทนนั้น มันคือสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมา เพื่อทดแทนพลังงานธรรมชาติ ที่ถ้าเราใช้มากจนเกินไปจะทำให้พลังงานธรรมชาติเหล่านั้นหมดไปจากโลกได้ แต่บางอย่างก็สร้างขึ้นมาเพื่อที่จะเอาพลังงานจากธรรมชาติไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม เป็นต้น

พลังงานแสงอาทิตย์นั้นสามารถนำแปลงเป็นไฟฟ้าให้เราใช้ได้เลยโดยที่สามารถนำมาหมุนเวียนมาใช้ได้ตลอด เพราะว่าแสงอาทิตย์มันไม่มีวันที่จะดับสลายไป หรือถ้าหากว่ามันหายไปตอนกลางคืน ก็สามารถกักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์ตอนช่วงกลางวันไว้ใช้สำหรับตอนกลางคืนได้ด้วย และพลังงานแสงอาทิตย์นั้น ไม่เป็นมลพิษต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย เพราะว่ามันเป็นพลังงานที่บริสุทธิ์ จะบอกได้ว่า คนที่คิดค้นเทคโนโลยีนี้ขึ้นมานั้นเป็นคนที่เก่งมากๆเลยที่เดียว

ซึ่งมีพลังงานแสงอาทิตย์แล้วก็ต้องมีพลังงานลมนั้นเอง ซึ่งมันเป็นอีกหนึ่งพลังงานทดแทนที่มีการนำเอาพลังงานนี้มาใช้ตั้งแต่สมัยอียิปโบราณซึ่งก็มีคุณลักษณะที่คล้ายๆกับพลังงานแสงอาทิตย์ คือ การนำเอาพลังงานธรรมชาติมาเปลี่ยนให้เป็นพลังงานที่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุด คือ การที่เอากังหันลม มาเก็บพลังงานจลไว้ เพื่อจะแปลงไปเป็นพลังงานรูปแบบอื่นๆ เช่น    ไฟฟ้า หรือจะเป็นอีกอย่างก็คือ พลังงานกล

ซึ่งกังหันลมนั้นจะมีสองรูปแบบคือ กังลมที่ใช้ในการดูดน้ำ หรือจะเป็นกังหันลมแบบจ่ายไฟนั้นเอง จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีพลังงานทดแทนนั้นมีประโยชน์มากๆต่อมนุษย์ ซึ่งเทคโนโลยีนี้ เกิดจากการทดลองทางวิทยาศาสตร์ และได้ปรับเปลี่ยนมาเป็นพลังงานต่างๆจนทำให้เราได้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยไม่ทำลายธรรมชาติ แต่ถึงอย่างไรก็ตาม

เราก็ต้องรู้จักรักษาธรรมชาติเพื่อให้อยู่กับเราไปตลอดโดยการไม่ตัดไม้ทำลายป่า เพราะถ้าหากทำลายธรรมชาติแล้วนั้น เราก็จะไม่มีพลังงานเหล่านั้นมาให้เราใช้ในวันข้างหน้าอีกต่อไป อย่างเช่นปัจจุบันที่คนเราใช้ทรัพยากรธรรมชาติมากจนเกินไปแล้วไม่รู้จักรักษา มันก็เกิดโรคร้อน ซึ่งเทคโนโลยีการมีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหานี้เช่นเดียวกัน เพราะปัญหาภาวะโลกร้อนมันเกิดจากมลภาวะที่เกิดจากรถยนต์ที่มากจนเกิดไป

ถ้าหากถามว่ารถยนต์เกี่ยวอะไรกับภาวะโลกร้อน หรือถ้าหากจะถามว่าโลกร้อนเกี่ยวอะไรกับเทคโนโลยี ผู้เขียนก็คงจะตอบได้ว่า เทคโนโลยีเกี่ยวข้องเต็มๆเลย เพราะว่าเทคโนโลยีมันก็คือรถยนต์ที่วิ่งบนท้องถนนและพ่นควันพิษออกมาเป็นจำนวนที่มากจนเกินไป

จนทำให้เกิดภาวะเรือนกระจก หรือเรียกอีกอย่างว่า ภาวะโรคร้อนนั้นเอง ซึ่งมันเป็นอันตรายมากจริงๆกับมนุษย์ เพราะมันส่งผลต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ เช่น สภาพอากาศ โรคต่างๆ ฉะนั้นเราต้องรู้จักรักษาโลกของเราโดยการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างประหยัดและคุ้มค่านั้นเอง

 

ขอบคุณ  เว็บหวยหุ้นไทย 4 รอบ  ที่ให้การสนับสนุน

อาหารกับหัวใจ

สาเหตุของการเสียชีวิตอันดับต้น ๆของคนทั่วโลกนั้น คือ โรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ เนื่องมากจากกรรมพันธุ์ การดูแลตนเองแบบผิด ๆ และการรับประทานอาหาร ดังนั้นเพื่อให้หัวใจของเราแข็งแรง และอยู่กับเราไปนาน ๆเราจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และช่วยในเรื่องของการบำรุงหัวใจ เพื่อลดอัตราการเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ

ปลาทะเล ปลาทะเลเกือบทุกชนิด อาทิ เช่น ปลาทูน่า ปลาแซลมอน ปลาซาร์ดีน ฯลฯ เป็นต้น น้ำมันที่ออกมาจากตัวของปลาทะเลจะช่วยทำให้ระดับ Triglyceride ในเลือดลดลง ทำให้ลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ

แก้วมังกร เป็นผลไม้ที่สามารถช่วยลดคอเรสเตอรอลในหลอดเลือดให้ต่ำลงได้ การรับประทานแก้วมังกรเป็นประจำ จึงสามารถช่วยทำให้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ และยังเป็นผลไม้ที่สามารถช่วยในเรื่องของการขับถ่าย เมื่อการขับถ่ายดี สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย

ผักคะน้า เป็นผักใบเขียวที่อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณประโยชน์มากมาย และหากรับประทานเป็นประจำอย่างต่อเนื่องแล้วสามารถช่วยลดโอกาสของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบได้

ทับทิม เป็นผลไม้ที่ถูกคนทั่วโลกเรียกว่า Super fruit เพราะนอกจากจะมีรสชาติดีเป็นที่ชื่นชอบของคนส่วนใหญ่แล้ว ยังมีสรรพคุณในการช่วยป้องกัน รักษาโรคต่าง ๆได้อย่างมากมายเมื่อรับประทานเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานเนื้อทับทิม หรือการนำมาคั้นเป็นน้ำเพื่อให้สะดวกต่อการรับประทาน และที่สำคัญทับทิม สามารถลดไขมันที่สะสมในเม็ดเลือดขาวได้ ทำให้เป็นผลไม้ที่ผู้ป่วยโรคหัวใจหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดสามารถรับประทานเพื่อบำบัดอาการป่วยได้

มะเขือเทศ มีสรรพคุณช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดี บำรุงเยื่อบุของหลอดเลือดที่เป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคหัวใจ และสารจากมะเขือเทศยังบำรุงให้ผิวพรรณดูเปล่งปลั่ง สุขภาพดีอีกด้วย

ข้าวซ้อมมือ ผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจหรือโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดหัวใจ ควรเลือกรับประทานเป็นข้าวซ้อมมือ เพราะมีน้ำตาลน้อย แต่มีวิตามิน และแร่ธาตุสูง 

ผักโขม เป็นผักที่มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการสูง และมีคอเรสเตอรอลต่ำสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคที่เกี่ยวกับหัวใจได้ แต่ควรเลือกรับประทานให้ถูกวิธี เพราะคนส่วนใหญ่มักจะนำมาประกอบอาหารเป็น ผักโขมอบชีส ซึ่งในชีสมีไขมันที่สูง ไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ และโรคที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดอย่างยิ่ง

ถั่วทุกชนิด สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้ และยังมีสารอาหารมากมายที่สามารถป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ และโรคหัวใจขาดเลือดได้ นอกจากนี้เมื่อรับประทานเป็นประจำยังเป็นการบำรุงหัวใจได้อีกด้วย

นอกเหนือจากการรับประทานอาหารที่ช่วยในการบำรุงหัวใจแล้ว การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และเหมาะสมกับร่างกาย ยังเป็นส่วนที่ช่วยให้หัวใจแข็งแรงได้อีกด้วย

 

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  สมัครสมาชิกหวยออนไลน์ ไม่มีขั้นต่ำ

ประเภทของหวยที่มีให้เล่นในประเทศไทยมีอะไรบ้าง

ในประเทศไทยนั้นการแทงหวยจะมีด้วยกันทั้งๆ 2 แบบ อย่างแรกจะเรียกว่าหวยบนดินหรือเรียกอีกอย่างว่าฉลากกินแงรัฐบาลซึ่งจะขายโดยรัฐบาลเองจึงถูกกฏหมาย และอีกอย่างหนึ่งคือหวยใต้ดิน

ซึ่งหวยทั้งสองแบบนั้นจะใช้ผลรางวัลในการจ่ายเงินผลเดียวกันเพื่อป้องกันการโกงและมีความโปร่งใสมากที่สุด สาเหตุที่หวยใต้ดินนั้นใช้ผลอันเดียวกับหวยบนดินคือ หวยใต้ดินนั้นเจ้ามือที่รับจ่ายเงินกับลุกค้าจะรับแทงเอง

ซึ่งแตละเจ้ามือก็จะมีอัตราการจ่ายเงินที่แตกต่างกันออกไปดังนั้นการใช้ผลรางวัลที่ประกาศโดยเจ้ามือเองจะทำให้ผู้แทงหวยเกิดความไม่เชื่อเพราะสามารถมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา แต่หากใช้ผลรางวัลตัวเดียวกันกับทางรัฐบาลก็จะมีความปลอดภัยและสามารถดึงให้คนมาแทงหวยใต้ดินได้

เพราะเนื่องจากการประกาศผลรางวัลของฉลากกินแบ่งรัฐบาลนั้นจะมีการถ่ายทอดสดออกอากาศไปทั่วทั้งประเทศ คนทั้งประเทศจะเห็นขั้นตอนการจับเลขรางวัลตลอด จึงทำให้เกิดความมั่นใจกับตัวผลรางวัลที่ออก 

การแทงหวยใต้ดินนั้นอัตราการจ่ายเงินจะสูงกว่าของรัฐบาลและสามารถแทงเท่าไหร่ก็ได้ไม่จำเป็นตั้งซื้อใบละ 80บาท แต่สามารถแทง1บาทก็ได้ ทำให้หวยใต้ดินจึงเป็นที่นิยมในหมู่สังคมวัยทำงานหรือคนที่ทำงานโรงงาน

จากการที่สำรวจคนในโรงงานส่วนมากแล้วจะเป็นคนที่เล่นหวยกันเยอะมาก ภายในโรงงานคนก็เยอะและจะมีเจ้ามือประจำโรงงานอีกด้วย ทำให้มีเงินหมุนเวียนในโรงงานเยอะมาก

และข้อเสียของหวยบนดินก็คือหาซื้อเลขที่ต้องการยากเนื่องจากตัวเลขที่ผลิตออกมานั้นมีจำนวนจำกัด หากเลขไหนมาแรงคนก็จะแห่กันไปซื้อทำให้เลขนั้นหมดไว และอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อเลขไหนที่มีความต้องการสูงพวกกพ่อค้าแม่ค้าที่ขายฉลากกินแบ่งของรัฐบาลจะฉวยโอกาสที่จะขึ้นราคาเลขนั้นได้

ซึ่งคล้ายกับหวยใต้ดินเพราะหากเลขไหนที่ดังก็จะทำการอั้นรางวัลไม่จ่ายเต็มโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือนล่วงหน้าเลย เช่น จากปกติจ่ายเลขละ 90บาท เมื่อก่อนถึงเวลาประกาศก็จะเปลี่ยนเป็นจ่ายเลขละ 45บาท สาเหตุที่ทำแบบนี้เพราะหากจ่ายเต็มทุกเลขก็จะมีโอกาสทำให้เจ้ามือขาดทุนได้สูง

จากที่กล่าวมาข้างต้นเราจะเห็นข้อแตกต่างระหว่างหวยใต้ดินและหวยบนดินแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่หวยใต้ดินได้เปรียบนั้นก็คือสามารถหาซื้อได้จากช่องทาง  หวยออนไลน์  ไม่จำเป็นต้องไปตากแดดเพื่อจะไปซื้อเลขที่ไม่รู้ว่าจะมีรึป่าว นั้นเป็นจุดแข็งของหวยใต้ดินเลยทีเดียว

โรคหินปูนเกาะกระดูกหู

สำหรับโรคหินปูนเกาะกระดูกหูนั้น เกิดจากหินปูนที่เจริญผิดปกติในหูชั้นกลาง โดยไปเกาะระหว่างฐานของกระดูกโกลนกับช่องรูปไข่ ซึ่งเป็นช่องทางติดต่อระหว่างหูชั้นกลางและหูชั้นใน ทำให้กระดูกโกลนนั้นไม่สามารถสั่นสะเทือน

เพื่อตอบสนองต่อคลื่นเสียงได้ตามปกติ เสียงจึงผ่านจากหูชั้นกลางเข้าสู่หูชั้นในได้ลดลง ทำให้เกิดอาการหูอื้อได้ นอกจากนี้ในผู้ป่วยบางรายอาจมีหินปูนเจริญผิดที่ในหูชั้นในด้วยก็ได้หรือหินปูนที่ผิดปกติในหูชั้นกลางนั้นปล่อยเอนไซม์บางชนิดเข้าไปในหูชั้นใน ทำให้เกิดมีเสียงดังในหู เวียนศีรษะและบ้านหมุนได้ 

โรคหินปูนเกาะกระดูกหูนั้นมีสาเหตุมาจากอะไรบ้าง ซึ่งจริง ๆ แล้วยังเป็นโรคที่ไม่ทราบสาเหตุแต่พอจะมีงานวิจัยที่พอจะบอกสาเหตุของการเกิดโรคหินปูนเกาะกระดูกหูได้ดังนี้ 

1.)การถ่ายทอดทางพันธุกรรม จากการศึกษาพบว่ามีแนวโน้มที่จะเกิดโรคนี้ได้จากกรรมพันธุ์ โดยถ้าพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งเป็นโรคนี้ โอกาสที่ลูกเป็นโรคนี้คือร้อยละ 25 แต่ถ้าทั้งพ่อและแม่เป็นโรคนี้ โอกาสที่ลูกเป็นโรคนี้จะสูงถึงร้อยละ 50  

2.)เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในระหว่างตั้งครรภ์ 

 3.)เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น ไวรัสที่ทำให้เกิดโรคหัด 

ถ้าสาเหตุมาจากฮอร์โมนตอนตั้งครรภ์ แสดงว่าผู้หญิงมีโอกาสพบบ่อยกว่าผู้ชายสองเท่า และมักจะพบในคนไข้ที่มีอายุ 20-40 ปี  

สำหรับอาการของโรคหินปูนเกาะกระดูกหูที่อาจพบได้มีดังต่อไปนี้ 

1.)การได้ยินลดลงหรือที่ผู้ป่วยมักเรียกว่าหูอื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยที่สุด โดยจะเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ แบบค่อยเป็นค่อยไป 

2.)ผู้ป่วยบางรายอาจมีเสียงดังในหูร่วมด้วย ซึ่งเสียงดังในหูมักจะดังขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อโรคเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ  

3.)อาจมีอาการวิงเวียนศีรษะหรือบ้านหมุน 

4.)ผู้ป่วยบางรายอาจมีการสูญเสียการได้ยินแบบประสาทเสียงเสียร่วมด้วย โดยมักจะเสียที่ความถี่สูงก่อน แล้วจึงมาเสียที่ความที่ต่ำ 

การรักษาโรคหินปูนเกาะกระดูกหูจะแบ่งออกเป็น 2 วิธี คือ วิธีผ่าตัดกับไม่ผ่าตัด ถ้าไม่ผ่าตัดก็คือถ้ายังหูอื้อ ยังเป็นน้อยก็คอยดูอาการไปก่อนได้จะกว่าหูอื้อจะเป็นมากขึ้นอาจจะพิจารณาใส่ เครื่องช่วยฟัง วิธีนี้ก็เหมาะกับผู้ป่วยที่โรคเยอะ อายุมากไม่เหมาะกับการทำผ่าตัด หรือผู้ป่วยที่มีความเสี่ยงที่ไม่สามารถรับภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับการผ่าตัดได้ เช่น หน้าเบี้ยว ซึ่งการใส่เครื่องช่วยฟังไม่ได้เป็นการรักษาที่ต้นเหตุ แค่ขยายเสียงให้ผู้ป่วยได้ยินเสียงชัดเจนขึ้น

แต่ไม่ได้หยุดโรคที่เป็น และอีกวิธีหนึ่งก็คือการผ่าตัด ส่วนใหญ่โรคหินปูนเกาะกระดูกหูจะเกิดที่กระดูกโกลน เราก็จะผ่าตัดเอากระดูกโกลนออก และใส่กระดูกเทียม ซึ่งการผ่าตัดจะเอากระดูกออกทั้งแท่งหรือบางส่วนก็ขึ้นอยู่กับแพทย์พิจารณา ในบางรายการได้ยินอาจกลับมาแทบใกล้เคียงกับปกติ และประมาณครึ่งหนึ่งเสียงในหูก็จะหายไปด้วย  

วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัดรักษาโรคหินปูนเกาะกระดูกหูมีดังนี้ 

1.)หลังการผ่าตัด ผู้ป่วยไม่ควรนอนทับหูข้างที่ผ่า และควรงดทำความสะอาดภายในช่องหูจนกว่าจะได้รับคำแนะนำจากแพทย์ 

2.)หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก หรือการเปลี่ยนแปลงแรงดันอย่างรวดเร็ว เช่น การดำน้ำ การขึ้นเครื่องบินหรือการขึ้นเขาอย่างน้อยประมาณ 1 เดือน เพื่อป้องกันการหลุดของกระดูกหูเทียมและการรั่วซึมของน้ำหูชั้นใน 

3.)หลีกเลี่ยงสถานที่เสียงดัง หากไม่สามารถเลี่ยงได้ ควรใส่เครื่องป้องกันทุกครั้ง เช่น ปลั๊กอุดหูหรือที่ครอบหู เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแรงกระแทกผ่านกระดูกหูเทียมไปยังหูชั้นใน ซึ่งอาจทำให้หูหนวกได้ 

เรื่อง SARS 2.0

ในปัจจุบันนี้เรื่องของระบบทางเดินหายใจเป็นอะไรที่ต้องคอยระมัดระวังเป้นอย่างมาก ต้องมีการใส่หน้าการอนามัยเพื่อค่อยป้องกันฝุ่นควันที่เป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ ยิ่งในปัจจุบันนี้มี PM2.5 ด้วยยิ่งต้องใส่หน้ากากอนามัยไว้

เพราะถ้าเรามีการสูดดมเอาฝุ่นเหล่านนี้เข้าไปในร่างกายมากๆ ในอนาคตที่จะถึงอาจจะทำให้เราเป็นโรคปอดต่างๆ ก็เป็นได้ เช่นมะเร็งปอด ปอดอักเสบ และหลอดลมอักเสบ เป็นต้น อย่างไรก็ตามโรคที่เกิดจากฝุ่นและเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจยังมีอีกมาก

โรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งในอดีตละปัจจุบันนั้นมีอยู่มากมาย ซึ่งความรุนแรงของแต่ละโรคก็แตกต่างแล้วแต่ชนิดกันอีกด้วย หลายๆ คนเชื่อว่าโรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่นั้นเกิดเองตามธรรมชาติโดยที่ไม่ได้มีการสร้างขึ้นมาอย่างในภาพยนตร์ที่เราได้เห็นกัน แต่เปล่าเลยจริงอยู่ที่ว่ามันเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติแต่นั้นก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมันยังมีสิ่งที่เกิดขึ้นมาจากห้องปฏิบัติการอีกด้วย โรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง

หรือSARS เป็นไวรัสที่ทำให้ถึงตายได้ซึ่งมีผู้เสียชีวิตกว่า 700 คน ในช่วงที่เกิดโรคSARS ระบาดและมีผู้ที่ติดเชื้อถึง 8,000 คน ใน 29   ประเทศ ระหว่างปี 2002-2003 และในตอนนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ทำให้SARS เปลี่ยนไปเป็นไวรัสมรณะที่มีความอันตรายมากกว่าเดิม โดนไวรัสจากโรคSARS ที่ได้กลายเป็นสายพันธุ์ใหม่นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยกลุ่มนักวิจัยนำโดย Dr. Ralph Baric ซึงพวกเขาจะรียกมันว่า SARS2.0

นักวิจัยได้ทำการพัฒนาไวรัสโดยการเพิ่มโปรตีนบางชนิดให้กับโรคSARS ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งไวรัสของSARS2.0 ที่ว่านี้จะต่อต้านวัคซีนและการรักษาที่ใช้ในการรักษาโรคSARS ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ แต่ทีมนักวิจัยก็ได้อ้างว่าการวิจัยนี้มีความจำเป็นเพราะไวรัสจากโรคSARS ตามธรรมชาติสามารถกลายพันธุ์ได้เอง และจะเกิดการต่อต้นวัคซีนของเรา และด้วยการที่สร้างไวรัสกลายพันธุ์ที่มีอันตรายถึงตาย

จะสามารถช่วยให้เรามีการพัฒนาวัคซีนที่แข็งแกร่งกว่า และจะสามารถช่วยให้เรานั้นรอดพ้นจากการระบาดของโรคSARS ตามธรรมชาติที่กลายพันธุ์ และมีความอันตรายมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามนักวิทยาศาสตร์คนอื่นๆ ก็มีความกังวนอยู่มาก เพราะไวรัสจากSARS2.0 แทนที่จะช่วยให้เรารอดพ้นจากโรคระบาดของโรคSARS ที่ร้ายแรงขึ้นแต่กลับกันไวรัสชนิดใหม่นี้ ก็สามารถเริ่มต้นการแพร่ระบาดได้หากว่ามันได้มีการหลุดออกไปจากห้องปฏิบัติการ

อย่างไรก็ตามในการสร้างไวรัสตัวใหม่ขึ้นมานั้นจะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมากเพราะถ้าหากว่ามันได้หลุดออกไปนั้นก็หมายความว่ากำลังจะมีโรคระบาดชนิดใหม่เกิดขึ้น

 

สนับสนุนโดย  ชุดตรวจ hiv

โรคลำไส้ติดเชื้อในเด็ก

การติดเชื้อในลำไส้ของเด็กนั้น เริ่มตั้งแต่แรกเกิดจนถึง6ปีเลยก็ว่าได้เพราะเด็กในวัยนี้ยังต้องรักษาความสะอาดและปลอดภัยที่เป็นอนามัยเป็นอย่างมาก ซึ่งโรคลำไส้ติดเชื้อในเด็กเกิดจากไวรัสหรือแบคทีเรียชนิดหนึ่งติดเชื้อผ่านทางมือ และการสัมผัสจากผู้ใหญ่สู่เด็ก และเด็กนำมือเข้าปาก หรือแม้กระทั่งของเล่นเด็กที่เด็กนั้นอมเข้าไป เพราะในของเล่นเด็กนั้นมีทั้งเชื้อโรคและสิ่งสกปรกอีกมากมายหลายๆอย่างที่เรามองไม่เห็น

ซึ่งเด็กจะอมเข้าไป ทำไห้ไวรัสชนิดนี้เคลื่อนตัวสู่ลำไส้ของเด็กเข้าไปทำไห้ท้องไส้ของเด็กนั้นปั่นป่วน ทำไห้เด็กร้องไห้งอแง ปวดท้อง อาเจียน และมีไข้ขึ้นสูงมากกว่า38องศา คุณพ่อคุณแม่ต้องรีบเช็ดตัวไห้ลูกแล้วรีบนำส่งโรงพยาบาลทันที ไม่อย่างนั้นแล้วลูกน้อยของคุณนั้นอาจจะช็อคได้ เพราะฉะนั้นแล้วขอไห้คุณพ่อคุณแม่นั้นอย่านิ่งนอนใจและอย่าเพิกเฉยเลย

สำหรับการดูแลลูกน้อยไห้อนามัยและปลอดภัยที่มากที่สุด สำหรับคุณพ่อคุณแม่นั้น ต้องควรอยามัยกับตนเองด้วย เช่น ไห้คุณพ่อคุณแม่ล้างมือบ่อย ๆก่อนที่จะไปสัมผัสลูกน้อย หรือซื้อเจลล้างมือมาก็ได้เพราะสะดวกสบายกว่าและเจลล้างมือนั้นยังยังระเหยได้ดีและมีแอลกอฮอร์ผสมอยู่ด้วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรค ส่วนถ้าลูกๆบ้านไหนถึงวัยกำลังซนหรือหยิบอะไรเข้าปากได้แล้วนั้น

ขอไห้คุณพ่อคุณแม่ เช็ดของนั้น ๆหรือล้างด้วยน้ำเกลือที่เป็นแบบสเปร์ก็ช่วยได้อีกระดับหนึ่ง ส่วนของเล่นนั้น ไห้คุณพ่อคุณแม่นำมาล้างไห้สะอาด และนำไปลวกน้ำร้อนไห้การฆ่าเชื้อโรคมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นในการกำจัดเชื้อโรคและป้องกันลูกน้อยลำไส้ติดเชื้อ และการป้อนอาหารก็ฌสำคัญเป็นอย่างมาก ควรไห้ลูกน้อยรับประทานอาหารที่สดใหม่ทุกวัน และเป็นของร้อน

และที่สำคัญคือไม่ควรเป่าอาหารไห้ลูกเพราะอาจจะทำไหลูกติดเชื้อฟันผุจากแม่ได้ และแถมยังเสี่ยงติดเชื้อโรคอีกด้วย ไห้นำไปเป่าพัดลมแทน และไม่ควรใช้ช้อนเดียวกันกับลูกไห้คุณแม่หรือคนที่ป้อนอาหารนั้น แยกช้อน และท้ายที่สุดคือสำหรับคุณพ่อคุณแม่บ้านไหนที่มีลูกที่ยังไม่เลิกขวดนมนั้น เวลาล้างขวดนมลูก ต้องล้างไห้สะอาดและนำมาลวกน้ำร้อนไห้เรียบร้อยด้วย

เพื่อกำจัดเชื้อโรคและที่สำคัญเลยคือ ขวดเปลี่ยนขวดนมและจุกนมไหลูกคือ3เดือนเปลี่ยน 1ครั้งหรือจะ 1 เดือนเปลี่ยนก็ได้แล้วแต่คุณพ่อคุณแม่สะดวก แค่นี้ก็เป็นการทำไห้ลูกสะอาดห่างไกลการเป็นลำไส้ติดเชื้อได้แล้ว เพื่อสุขภาพที่ดีของลูกน้อย ขอไห้คุณพ่อคุณแม่ปฏิบัติตามนี้นะคะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ชุดตรวจซิฟิลิส

แก้ปัญหาการนอนกัดฟันต้องทำอย่างไร

บางครั้งในตอนเช้าที่คุณตื่นนอนขึ้นมา คุณอาจจะเคยรู้สึกเจ็บฟันกราม และในบางโอกาสในตอนที่คุณนอนหลับคุณอาจจะรู้สึกได้ว่าคุณอาจจะกำลังนอนกัดฟันตัวเองอยู่ ซึ่ง หลายท่านอาจทราบมาบ้างแล้วว่า ปัจจัยที่มนุษย์เรานอนกัดฟันนั้นมีสาเหตุมาจากที่พวกเรามีความตึงเครียดสะสม หรือมีความรู้สึกตื่นตระหนกอยู่ในข้างในจิตใจลึกลึก ด้วยเหตุผลดังกล่าวเมื่อมีความเคร่งเครียดมากมายร่างกายก็มักจะมีการหลั่งสารต่างๆออกมามากมายเหมือนกัน

ซึ่งจะทำให้กล้ามเนื้อมีการหดเกร็งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ก็เลยเป็นเหตุผลว่าทำไมผู้ที่นอน ถึงนอนกัดฟันของตน รวมทั้งนอกเหนือจากที่มนุษย์เราเครียดจนถึงจะต้องนอนกัดฟันแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีปัจจัยอื่นอื่นอีกก็ได้ที่จะนำมาซึ่งการทำให้พวกเรานอนกัดฟัน ยกตัวอย่างเช่น การกินยาบางตัวที่ส่งผลต่อการออกคำสั่งของสมอง หรือการกินสุรา ดูดบุหรี่

สิ่งพวกนี้ล้วนเป็นต้นเหตุที่ทำให้มนุษย์เรานอนกัดฟันได้ทั้งหมด และก็แม้พวกเราจำต้องนอนกัดฟันจริงพวกเราต้องมีแนวทางการจัดการกับปัญหาการนอนกัดฟันนี้ได้อย่างไรบ้าง เพราะว่าการนอนกัดฟันจะทำให้พวกเราตื่นมาแล้วบางครั้งอาจจะปวดศีรษะแล้วก็ปวดฟันได้ ฉะนั้น พวกเรามาหากรรมวิธีการปรับแก้อาการนอนกัดฟันกันเถิด

  1. ใช้ยางครอบฟันตอนนอน ด้วยเหตุว่าแม้พวกเราห้ามความเคร่งเครียดของตนมิได้ก็จะต้องกระทำการลดการปะทะกันระหว่างฟันทั้งบนและล่างได้ ซึ่งคนไม่ใช่น้อยทดลองใช้ที่ครอบฟันสามารถช่วยลดปัญหานอนกัดฟันได้
  2. ฉีดโบท็อกซ์ที่รอบๆฟันกราม จะช่วยเรื่องของการนอนกัดฟันได้ แม้กระนั้นเพียงแต่จะไม่นานแค่นั้นเองซึ่ง ประมาณ 2 – 3 เดือนก็กลับมานอนกัดฟันอีก ถึงแม้ว่าจะช่วยได้ไม่นานแต่ว่าก็สามารถช่วยไม่ให้ตื่นมาแล้วจะต้องปวดศีรษะและก็ปวดฟันได้สักพัก
  3. ถ้าเกิดต้นเหตุมาจากการดื่มกาแฟ หรือสุรา ก็ควรจะงดเว้นของกลุ่มนี้ก็จะมีผลให้อาการนอนกัดฟันของคุณดียิ่งขึ้นจ้ะ แม้กระนั้นถ้ามันเป็นมาจากพันธุกรรมที่บิดามารดาก็นอนกัดฟันอันนี้ก็ทำอะไรมิได้จริงๆจ้ะ อาจจำเป็นต้องย้อนไปเอาอย่างอันดับแรกกัน
  4. มูลเหตุนอนกัดฟันหลักหลักเลยเป็นความตึงเครียด โดยเหตุนี้ พวกเราควรจะอุตสาหะประพฤติตนให้รู้สึกดีและผ่อนคลายไม่เครียดเท่าไรนัก ก่อนนอนก็ให้อะไรมองที่บันเทิงใจและไม่เครียดดูซินอนจะช่วยลดความเคร่งเครียดก่อนนอนได้แล้วก็บางทีอาจจะช่วยลดปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการนอนกัดฟันได้เช่นเดียวกันจ้ะ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย  ซื้อหวยฮานอย เว็บไหนดี

โรคเอดส์ และการดูแลผู้ป่วยเด็กที่ติดเชื้อ

ในโรคเอดส์นั้นเดี่ยวนี้นั้นใครที่เป็นและปฏิบัติตัวเป็นอย่างดีหรือว่ากิยยาตาที่คุณหมอนั้นบอกและทำตามอย่างเคร่งคัดนั้นจะทำให้เรานั้นสามารถที่จะได้ใช้ชีวิตเหมือนกับกับปกติทั่วไป  เพียงแค่เรานั้นไม่ขาดยาเพื่อที่จะสร้างความสมดุลให้กับร่างกาย   การที่เราได้กินยาอย่างต่อเนื่องกินอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยให้เรานั้นได้อยู่บนโลกใบนี้ได้อีกนาน และเนื่องจากการที่เรากินยานั้นจะส่งผลให้เกร็ดเลือดของเรานั้นอยู่ในเกณ์ที่ปกติ และก็สม่ำเสมอ

  ซึ่งจะสามารถที่ช่วยในการลดเชื้อไวรัสของเอสไอวีนั้นได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพ  และเมื่อที่เรานั้นรู้สึกว่าเรานั้นมีอาการที่ดีขึ้นแล้ว  แล้วเรานั้นเลือกที่จะหยุดกินนั้นเพราะว่าเรานั้นคิดว่าเรานั้นมีอาการที่ดีขึ้นแต่ว่าที่จริงนั้นเป็นความเชื่อที่ผิดการที่เราหยุดกินนั้นจะทำให้เชื้อที่หยุดการเจริญเติบโตนั้นกลับมาโตอีกครั้ง  และอีกอย่างนั้นเมื่อเรานั้นกินยาตัวเดิมนั้นอาจจะไม่เห็นผล  คราวนี้เราต้องเสียงเงินเพื่อที่จะซื้อยาตัวใหม่และเริ่มที่จะกินยาตัวใหม่อีกดังนั้นเราไม่ควรที่จะเลิกกินยา 

ทำอย่างไรให้ผู้ที่ติดเชื้อนั้นมีสุขภาพที่ดีขึ้น  

  • การที่เรานั้นรับประทานยาอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ  
  • การที่เราไปพบแพทย์ตามใบนัด
  • เมื่อเรานั้นรู้สึกว่าเรานั้นเจ็บป่วยนั้นเราควรที่จะปรึกษาแพทย์ทุกครั้ง 
  • การที่เราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และสุก   สะอาด  ถูกหลักอนามัย  
  • การที่เรานั้นออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
  • การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 
  • การที่เราทำให้จิตใจของเรานั้นผ่องใส ทำสมาธิ  สวดมนต์
  • หลีกเลี่ยงการที่เราใช้สารเสพติด  
  • หลีกเลี่ยงการที่เราจะรับเชื้อเพิ่มโดยการที่เรานั้นใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ร่วมเพศ
  • เราไม่ควรที่จะใช้ใบมีดโกนร่วมกับคนที่ติดเชื้อ  หรือว่าแปลงสีฟัน  
  • เมื่อเรานั้นมีบาดแผล  หรือว่าเลือดออกนั้นเราก็ควรที่จะทำความสะอาดแผลของเรานั้นให้สะอาด

เด็กที่ติดเชื้อนั้นมีข้อปฏิบัติตัวอย่างไร

เมื่อเป็นเด็กนั้นการที่เราจะใช้ชีวิตนั้นก็ปกติเหมือนกับเด็กทั่วๆไป  แต่เรื่องที่เราจะต้องเน้นก็คือการการกินเราต้องให้เขานั้นกินกินอาหารที่ดีมีประโยชน์  และอาหารนั้นต้องสุก  สะอาดทุกครั้ง  ไม่ควรที่จะกินอาหารที่ดิบ  และการที่เราจะให้เด็กนั้นเล่นกีฬานั้นเราก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงว่าอย่าเล่นเพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอาการบาดเจ็บหรือว่าเลือดออก  อย่างเช่นกีฬาชกมวย  รักบี้  อย่างนี้เป็นต้น  

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย ชุดตรวจ hiv

เหตุผลต่างๆที่ทำให้คุณลดน้ำหนักเป็นรอบที่ร้อย 

รู้แล้วต้องเปลี่ยน เพราะสิ่งเหล่านี้คือเหตุผลที่ทำให้คุณลดน้ำหนักเป็นร้อยรอบ เพราะลดเท่าไรก็ไม่ลงสักที 

ถ้าคุณอ่านข้อมูลนี้ อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะต้องลดน้ำหนักในชีวิตก็ได้นะ ไปดูกันสิว่าที่ผ่านมาคุณทำอะไรพลาดไป

ลดน้ำหนักในช่วงที่คุณไม่สบาย

สิ่งที่คุณไม่ควรทำเลยนั้นก็คือ ลดน้ำหนักในช่วงที่ร่างกายกำลังอ่อนแอหรือไม่สบาย เพราะนั้นจะยิ่งกลายเป็นเวลาคุณใช้ร่างกายให้ทรุดโทรมลงไปอีกเพราะเวลาคุณไม่สบาย ร่างกายคุณก็ไม่พร้อมที่จะทำอะไรหักโหมอยู่แล้ว มันเป็นช่วงที่ร่างกายคุณต้องการซ่อมแซมตัวเอง จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งที่จะลดน้ำหนัก คุณควรจะรักษาร่างกายให้หายก่อนนะ

ปล่อยตามใจในช่วงวันหยุด

การที่คุณอดอาหารมาอย่างดีตลอดที่ผ่านมา คุมอาหาร ออกกำลังกาย นอนเพียงพอ ดื่มน้ำเยอะ แต่สุดท้ายแล้วพอถึงวันหยุด คุณกลับตามใจปาก อยากไปปาร์ตี้กินนู้นนี่ ในช่วงวันหยุดที่ได้พักผ่อนกับครอบครัว สัก 2-3 วัน แต่คุณกินแบบลืมไปเลยว่าก่อนหน้านี้ลดน้ำหนักอยู่ ยังไงคุณก็ลดน้ำหนักไม่ได้หรอก เพราะว่าการที่คุณจะลดน้ำหนักนั้นคุณต้องดูแลอาหารและออกกำลังกายสม่ำเสมอ แม้กระทั่งวันหยุด 

ดื่มเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูง อยู่บ่อยครั้ง

การที่คุณจะลดน้ำหนัก สิ่งแรกที่คุณต้องระวังคือการกินน้ำตาล และถ้าคุณเป็นคนที่เลือกเครื่องดื่มที่ให้พลังงานสูงกินอยู่บ่อยๆ อาทิ น้ำอัดลม ชานมไข่มุก ชา กาแฟ พวกนี้จะทำให้คุณได้รับพลังงานจากความหวานของเครื่องดื่มเข้าไปเป็นจำนวนมาก และหากคุณเผาผลาญไม่ทัน มันก็จะกลายเป็นไขมันสะสมในร่างกายของเรา  แทนที่ความตั้งใจที่จะลดน้ำหนักได้ ก็ยิ่งยากขึ้นไปอีกเพราะการกินสิ่งเหล่านี้บ่อยๆยังไงคุณก็อ้วนได้ง่าย

เครียดเกินไป เครียดว่าจะลดได้ไหม เครียดว่าจะกินอะไรดี 

การเครียดนั้นส่งผลกระทบโดยตรงกับการลดน้ำหนักเลยนะ เพราะว่าการที่คุณเครียดนั้นจะทำให้ร่างกายตึงเครียดตามและเกิดความกังวลว่าจะทำยังไงให้อยู่รอด กลับกลายเป็นว่าพอจะลดและยิ่งเครียดร่างกายเราจะยิ่งหวงไขมัน คราวนี้ร่างกายจะหันมาใช้พลังงานจากไขมันเป็นสิ่งสุดท้ายทันที และหากเป็นแบบนั้นคุณก็จะลดน้ำหนักได้ยากด้วย 5.  เป้าหมายไม่ชัดเจน

การที่คุณจะลดน้ำหนัก คุณต้องวางเป้าไว้เลยว่าคุณจะลดเท่าไร อยากหุ่นดีแบบไหน เพราะหากคุณเป้าหมายไม่ชัด มันก็จะทำให้คุณลดๆเลิกๆ และค่อยลดใหม่ กลับกลายเป็นว่าถึงคุณจะลดอีกครั้งก็ไม่สำเร็จเพราะเป้าหมายคุณไม่มี

 

สนับสนุนโดย  แทงหวยออนไลน์

สัญญาณหูฟังแบบ  Balanced

หูฟังแบบ Balanced ตัวนี้เราต้องมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสัญญาณหรือการขับหูฟังแบบ Balanced ระบบ Balanced ที่มีในระบบของอุตสาหกรรมเสียงในมืออาชีพ กับ ระบบ Balanced ที่มีกับระบบหูฟังเป็นคนหละเรื่องกัน มันมีจุดมุ่งหมายที่ต่างกัน จุดมุ่งหมายของระบบอุตสาหกรรมนั้นเพื่อให้สัญญาณเดินได้ไกลหรือมากขึ้นและปราศจากสัญญาณการรบกวนให้มากที่สุด

แต่ระบบของหูฟังจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการขับเสียงล้วนๆ มันจะมีการทำงานที่เริ่มจาก Input หรือสัญญาณขาเข้า วิ่งเข้าสู่ภาคขยาย และก็จะปล่อยสัญญานออกมาที่ขั้วบวกของมันก็จะเอา Out put หรือสัญญาณขาออกมันก็จะไปขับลำโพงซึ่งเป็นตัวโหลดเสียง สัญญาณของมันนี้เราต้องเข้าใจเสียงที่ขั้วลำโพงจะส่งขั้วลบกลับไป ถ้าเกิดคุณมีหูฟังข้างเดียวก็อาจจะไม่เป็นปัญหา

แต่ถ้าคุณมีหูฟัง2ข้างหรือลำโพงหลายๆ ตัว ขั้วลบที่ย้อนกลับไปที่กราวซ์ของเสียงนั้นอาจส่งไปที่ข้างเดียวและจะทำให้เกิดเสียงประหลาดๆ หรือสิ่งที่รบกวนในการฟังของคุณได้ ดังนั้นการเลือกใช้ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งาน เพราะมันอาจจะส่งผลเสียให้งานของคุณที่ออกมาเลยก็ได้

เพราะตัวสัญญาณหรือพวกวงจรของหูฟังนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากที่ ทำให้เสียงที่ออกมานั้นมีความเสถียรแม่นยำ หรือผิดเพี้ยนไปมาก ควรศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนหรือปรึกษาผู้รู้หากเราต้องนำมาใช้ในการทำงานว่าเหมาะกับงานชนิดนี้หรือไม่ เพราะคำว่า Balanced

ในแต่หละวงการเสียงก็แตกต่างกันออกไปอย่างที่อธิบายคร่าวๆ ข้างต้นนั้นเองครับ เพื่อนๆอาจเข้าใจหรือไม่เข้าใจอาจจะไปหาข้อมูลเพิ่มเติมได้อีกเนื่องจากเป็นเรื่องที่ต้องดูภาพรวมหลายๆ อย่าง ว่าเราต้องการแบบนี้ไหม แต่ถ้าหูฟังใช้งานทั่วไปในการดูหนังฟังเพลงปกติ ก็ไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องสัญญาณเหล่านี้ก็ได้ครับ

 

ขอบคุณ เครื่องช่วยฟัง  ที่ให้การสนับสนุน